รองเท้าเสื่อกก เริ่มมาจากแนวคิดของ นายประพันธุ์ แก้วเขียว อดีตเป็นลูกจ้าง ทำงานร้านทำรองเท้าจาก PVC ที่กรุงเทพฯ เป็นระยะเวลาประมาณ 10 ปี รายได้พอกินไปวันๆ เหลือบางส่วนก็เก็บไว้เป็นทุน ทำงานร้านรองเท้ามา 10 ปี ค่าแรงค่าจ้างไม่เพิ่มขึ้น จึงเกิดแนวความคิดอยากเป็นเจ้าของร้านทำรองเท้าเองจึงลาออกมาเปิดร้านส่วนตัว โดยทำรองเท้าจากหนังแท้ หนังเทียม ยาง PVC ต่อมามีปัญหาด้านการตลาด เพราะว่ามีผู้ผลิตหลายราย จึงว่าน่าจะลองผลิตรองเท้าจากเสื่อวัสดุอื่นดูบ้าง อยู่มาวันหนึ่งได้ทำรองเท้าที่ผลิตจาก PVC ไปส่งลูกค้าที่จังหวัดสระแก้ว ประมาณปี พ.ศ.2545 เจอคนสวมรองเท้าที่ทำจากพลาสติก เป็นรูปแบบที่สวยงามแปลกตาอีกรูปแบบหนึ่ง คิดอยู่ประมาณ 3 เดือนว่าจะผลิตรองเท้าจากวัสดุที่มีอยู่ในพื้นที่คือ เสื่อกก จึงทดลองทำดูโดยนำเสื่อที่ทอจากต้นกกเป็นผืนแล้ว นำมาตัดติดกับพื้น PVC ทำเป็นรองเท้า และคิดว่าจะนำไปโชว์ที่ไหนดี ต่อมากลุ่มทางบ้านสร้างได้จัดงานและให้ทำรองเท้าที่ผลิตอยู่ไปจำหน่าย (รองเท้า PVC) และได้นำรองเท้าที่ทำจากเสื่อกกไปด้วย ปรากฏว่ามีคนสนใจมาก จึงผลิตรองเท้าจากเสื่อกกเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้
รองเท้าเสื่อกก ภูมิปัญญาแห่งบ้านสนามพลี
บ้านสนามพลี ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ในผืนนานอกจากจะมีต้นข้าวแล้วบางแห่งยังมีต้นกกขึ้นอย่างหนาแน่น เป็นวัชพืชที่แย่งอาหารจากต้นข้าว ชาวบ้านบางคนชอบทิ้ง บางคนชอบนำมาตากแดดทำเป็นเชือกมัดของและลองนำมาเรียงกันดู เห็นความสวยงามจึงได้ทอเป็นเสื่อมาทุกวันนี้ ต่อมานายประพันธุ์ แก้วเขียว เกิดแนวความคิดที่จะผลิตรองเท้าจากเสื่อกก จึงนำมาเป็นวัตถุดิบทำรองเท้าเสื่อกกที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้
อัตลักษณ์ (เอกลักษณ์) จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคัดสรร OTOP Product Champion 2549ได้ ระดับ 3 ดาว ภูมิปัญญาแต่ละอย่างล้วนมีจุดเด่น จุดด้อยอยู่ในตัวของมันเอง ขึ้นอยู่กับเจ้าของหรือชุมชนผู้เป็นเจ้าของภูมิปัญญา ตลอดจนผลิตภัณฑ์รองเท้าจากเสื่อกก ในปัจจุบันนี้มีรูปแบบอยู่ประมาณ 9 รูปแบบ และจะพัฒนารูปแบบเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ตามความต้องการของลูกค้าและตลาดสวยงาม เบา สวมใส่สบายและเป็นงานฝีมือราคาย่อมเยา ตลอาดจนคุณภาพคงทน
เทคนิค/เคล็ดลับในการผลิต
ในการผลิตรองเท้าเสื่อกก นายประพันธ์ แก้วเขียว ประธานกลุ่ม จะเน้นการใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และในท้องถิ่น เช่น การนำปอมาถักเป็นหูรองเท้า และนำผ้าลายในสมัยก่อนคนสูงอายุนิยมใช้นุ่งมาตกแต่ง ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูแปลกตา และเป็นการ อนุรักษ์วัฒนธรรมของสมัยโบราณในการสวมใส่ผ้าลายไทย