วัดเป็นสถานที่ทางศาสนา ตามปกติแล้วจะมีเสนาสนะและอาคารถาวรวัตถุต่างๆ เป็นที่พํานัก อาศัยศึกษา ปฏิบัติพระธรรมวินัย และประกอบศาสนกิจของพระภิกษุ สงฆ์ ตลอดจนเป็นที่บําเพ็ญกุศลต่าง ๆ นอกจากนี้วัดยังเป็นศูนย์กลางบริการทางการศึกษาและทางสังคม รวมทั้งเป็นแหล่งส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและประเพณี
วัดหมายถึง สถานที่ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งปกติมีพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ รวมทั้งมีพระภิกษุสงฆ์อยู่อาศัย คำว่า “วัด” เป็นคำเรียกชื่อศาสนสถานแบบคำไทย โดยที่มาของคำว่า “วัด” นี้ ยังไม่มีข้อยุติ ด้วยบางคนอธิบายว่า มาจากคำว่า “วตวา” ในภาษาบาลี แปลว่า เป็นที่สนทนาธรรมบ้างก็ว่ามาจาก“วัตร” อันหมายถึงกิจปฏิบัติหรือหน้าที่ของพระภิกษุที่พึงกระทำ หรือแปลอีกอย่างว่าการจำศีล ซึ่งวัด(วัตร) ตามนัยยะนี้จึงน่าจะหมายถึงสถานที่ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นที่จำศีลภาวนา หรือสถานที่ที่พระภิกษุสงฆ์ใช้ปฏิบัติภาระกิจที่พึงกระทำนั่นเอง แต่ก็มีบางคนสันนิษฐานว่ามาจากคำว่า “วัดวา” อันหมายถึงการกำหนดขอบเขตของดินแดนที่สร้างเป็นศาสนสถาน เพราะวัดกับวามีความหมายอย่างเดียวกัน คือการสอบขนาด หรือปริมาณของสิ่งต่างๆ เช่น ความยาว ความกว้าง เป็นต้น วัดในระยะหลังนี้จึงหมายถึง พื้นที่
ประวัติความเป็นมาของวัดเขาบันนังกระแจะ
วัดเขาบันนังกระแจะตั้งอยู่ หมู่ที่ ๕ บ้านบันนังกระแจะ ตำบลธารโต อำเภอธารโต จังหวัดยะลา มีเนื้อที่ประมาณ ๒๕ ไร่ มีพระคำหมาย ฐานิสสโร เป็นเจ้าอาวาส ใช้งบประมาณในการก่อสร้างวัดทั้งหมด ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท วัดเขาบันนังกระแจะอยู่ติดกับถนนสุขยางค์ ยะลา - เบตง
วัดเขาบันนังกระแจะได้ก่อสร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ได้ยื่นขอตั้งวัดในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๒๘ โดยมี นายสวัสดิ์ พรหมเต็ม กำนันตำบลธารโตเป็นผู้ดำเนินการขอยื่นเรื่องจัดตั้งวัดเขาบันนังกระแจะ และได้รับอนุญาต ประกาศตั้งเป็นวัด เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๒๘ วัดเขาบันนังกระแจะ เดิมชื่อ วัดใหม่ธารโต และได้มีการเปลี่ยนชื่อวัด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ เป็น “วัดเขาบันนังกระแจะ” โดยตั้งชื่อวัดตามหมู่บ้านที่ได้อาศัยอยู่ คำว่า บันนังกระแจะ มาจากชื่อของภูเขาหินขนาดใหญ่กระทบกัน ๒ ลูก ซึ่งเรียกขานกันมานานแล้ว และเมื่อประมาณ ๔๐ ปี ที่ผ่านมาได้มีกิจการโรงโม่หินขนาดใหญ่เกิดขึ้น ทำให้ภูเขาทั้ง ๒ ลูกแยกออกจากกัน