ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
Latitude : N 18° 44' 38.5717"
18.7440477
Longitude : E 99° 43' 23.7623"
99.7232673
No. : 192568
ตานก๋วยสลาก
Proposed by. ลำปาง Date 26 March 2020
Approved by. ลำปาง Date 30 June 2021
Province : Lampang
0 332
Description

ประเพณีตานก๋วยสลาก

ประเพณีตานสลาก คือ การทำบุญสลากภัตในภาคเหนือ มีเรียกชื่อแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น บางแห่งเรียว่า “กิ๋นก๋วยสลาก” บางแห่ง “กิ๋นสลาก” บางแห่งว่า “ตานก๋วยสลาก” ในความหมายเป็นอย่างเดียวกัน สำหรับวิธีการทำบุญมีแตกต่างกันไปตามความนิยมให้ท้องถิ่นของตน

ประเพณีกินก๋วยสลาก หรือทานสลากนี้เป็นประเพณีเก่าแก่ที่เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนาตั้งแต่พุทธสายที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ปรากฏในพระธรรมบทขุททกนิกายว่า พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญพระสาวกพระอรหันต์ของพระองค์ คือ พระโกณฑธานเถระ ซึ่งเป็นผู้โชคดีเช่นนั้น พระพุทธเจ้าตรัสรับบอกแก่ภิกษุสงฆ์ทั้งมวลว่า โกณฑธานปรารถนาว่าถ้าเลือกอะไร แข่งขันอะไร ขอให้ได้ที่หนึ่งเสมอ ดังนั้น ในชาตินี้โกณฑธานจึงเป็นคนโชคดี

ประวัติความเป็นมาของสลากภัต

ในสมัยพุทธกาล ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับ ณ พระเชตะวันมหาวิหารนั้น วันหนึ่งนางกุมารี ผู้หนึ่งได้อุ้มลูกชายวิ่งหนีนางยักขินี ผู้มีเวรต่อกันหลายชาติแล้ว ติดตามมาจะทำร้ายลูกของนาง นางเห็นจวนตัวจะวิ่งหนีไปที่อื่นไม่ได้ จึงพาลูกวิ่งเข้าไปในพระเชตวันมหาวิหาร ขณะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่นางเอาลูกน้อยวางแทบพระบาทแล้ว กราบทูลว่า “ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ ขอทรงโปรดเป็นที่พึ่งแก่ลูกชายของหม่อมฉันเถิดพระเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าได้หยุดพฤติกรรมที่จองเวรของนางกุมาริกาและยักขินี ด้วยการตรัสคำสอนว่า “เวรย่อมไม่ระงับด้วยเวร เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” ธรรมนี้เป็นของโบราณ แล้วทรงให้นางทั้งสองเห็นผิดชอบชั่วดี นางยักขินีรับศีล 5 แล้วนางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า นางไม่รู้จะไปทำมาหากินอย่างไรเพราะรักษาศีลเสียแล้ว นางกุมาริกาจึงรับอาสาจะพานางไปอยู่ด้วย นางได้รับอุปการะจาก นางกุมาริกาหลายประการ นึกงถึงอุปการะอยากจะตอบแทนบุคุณจึงเป็นผู้พยากรณ์บอกล่าวเรื่อง อุตุนิยมวิทยา คือ บอกให้นางกุมาริกาทำนาบนที่ดอนในปีฝนมาก ทำนาในที่ลุ่มเวลาฝนแล้ว นางกุมาริกาได้ปฏิบัติตาม ทำให้ฐานะร่ำรวยยิ่งขึ้นกว่า คนอื่นๆ ในละแวดนั้น คนทั้งหลายมีความสงสัย จึงมาถามนางกุมาริกาว่า เป็นอย่างไร ได้รับคำตอบว่านางยักขินีเป็นผู้บอกกล่าวให้ คนทั้งหลายจึงพากันไปหานาง ขอให้บอกอย่างเดียวกับนางกุมรริกา คนทั้งหลายได้รับอุปการะจากนางยักขินี จนมีฐานะร่ำรวยไปตามๆ กันด้วยควาสำนึกในบุญคุณ จึงพากันนำเอาเครื่องอุปโภคบริโภคอาหารการกินเครื่องใช้มาสังเวยอยู่เป็นอันมาก ข้าวของที่สำนักนางยักขินีจึงมีมากเหลือกินเหลือใช้ นางจึงนำมาทำเป็นสลากภัต โดยให้พระสงฆ์ได้ทำการจับตามเบอร์ด้วยหลักอุปโลกน์นุกรรม คือ ของที่ถวายมีทั้งของมีราคามาก ราคาน้อย พระสงฆ์องค์ใดได้ของมีค่าน้อยก็อย่าเสียใจ ให้ถือว่า เป็นโชคของตนดีหรือไม่ดี การถวายแบบจับสลากของยักขินีนี้ นับเป็นครั้งแรกแห่งประเพณีทำบุญสลากภัตหรือทานสลากในพระพุทธศาสนา

ค่านิยมในการกินสลาก

การทำบุญตานสลากภัตนับเป็นประเพณีที่สำคัญของภาคเหนือประการหนึ่ง เนื่องมาจากค่านิยม ที่สืบทอดทำมาแต่โบราณจนกลายเป็นประเพณีสืบมาช้านาน คือ

ประชาชนว่างจากภารกิจการทำนาผลไม้ เช่น ส้มโอ ส้มเขียวหวาน ส้มเกลี้ยง กำลังสุกประชาชนหยุดพักไม่เดินทางไกลเพราะเป็นฤดูฝนพระสงฆ์จำพรรษาอยู่อย่างพรักพร้อมได้โอกาสสงเคราะห์คนยากจนเป็นสังฆทานถือว่ามีอานิสงส์แรก คนทำบุญสลากมักจะมีโชคลอยมามีโอกาสหาเงินและวัสดุบำรุงวัด

ด้วยเหตุผล 7 ประการนี้ ประชาชนชาวไทยในภาคเหนือจึงนิยมทำบุญสลากภัตกันเกือบทุกวัด มีแต่ว่าหากวัดใดมีงานตั้งธรรมหลวง (ฟังเทศน์มหาชาติ) วัดนั้นจะเว้นจากการทำบุญสลากภัต

ประเพณีถวายสลากภัต หรือประเพณีถวายข้าวสลาก หรือ กินก๋วยสลากนั้น ทำกันมาตั้งแต่เดือน 12 เหนือเป็ง เรื่อยมาจนถึงเดือนยี่เหนือ คือ ช่วงเดือน 11 – 12 ของภาคกลาง ชาวบ้านจะนำพืชผลมาถวายเป็นก๋วยสลากนิมนต์พระสงฆ์จากวัดใกล้เคียงมารับไทยธรรมสลาก ซึ่งศรัทธาประชาชนร่วมกันถวายสลากภัตของทางเมืองเหนือ ประกอบด้วย

สลากหน้อย คือ สลากกระชุเล็กสลากก๋วยใหญ่ หรือ สลากโชค

สลากก๋วยเล็ก ใช้ถวายอุทิศแด่ผู้ตาย หรือทำบุญเพื่อเป็นกุศลในภายหน้า ส่วนสลากก๋วยใหญ่ ใช้ถวายเป็นมหากุศลสำหรับบุคคลผู้มีกำลังศรัทธาและร่ำรวยเงินทอง ทำถวายเป็นพลวปัจจัย ให้มีบุญกุศลมากขึ้น พิธีถวายสลากภัต ที่นิยมมี 3 ประเภท คือ

สลากเอาเส้น ซึ่งประชาชนจับสลาก แล้วนำไทยธรรมไปถวายสลากที่พระสงฆ์จับสลากเองสลากย้อม นิยมทำกันในกลุ่มไทยยอง ซึ่งหญิงสาวภายในหมู่บ้านจัดถวายเป็นประเพณี

ประเพรีสลากภัตที่ทำกันในภาคเหนือปัจจุบันนี้ นิยมให้พระสงฆ์จับสลากเองเป็นส่วนมาก เพราะง่ายและทุ่น ประเพณีการ “ทานข้าวสลาก” หรือการ “กิ๋นก๋วยสลาก” ตามสำเนียงพูดของเมืองเหนือนี้ หมายถึง ประเพณีทานสลากภัต เป็นประเพณีที่ชาวเหนือถือสืบเนื่องมานมนานแล้ว การทานก๋วยสลากจะเริ่มในราว เดือน 12 เหนือ (คือเดือน 10 ใต้ เดือนกันยายน) และสิ้นสุดเอาในเดือนเกี๋ยงดับ (เดือน 11 ใต้) การทานก๋วยสลาก (หรือบางแห่งเรียกว่า ตานข้าวสลาก) ที่จังหวัดลำปางก็จะเริ่มที่วัดปงยางคก ซึ่งเป็นวัดต้นตระกูลของเจ้าเจ็ดตน คือ พ่อเจ้าทิพย์ช้าง ปัจจุบันจะทำกันตามสะดวก

ก่อนวันทำพิธี “ทานก๋วยสลาก” 1 วัน เรียกว่า “วันดา” คือเป็นวัดจัดเตรียมของเครื่องไทยธรรม พวกผู้ชายก็จะจัดการจักตอกสาน “ก๋วย” (ตะกร้า) ไว้หลายๆ ใบ บางครอบครัวอาจจะทำหลายสิบลูก แล้วแต่ศรัทธาและกำลังทรัพย์จะอำนวยให้ ทางฝ่ายผู้หญิงก็จะจัดเตรียมห่อของกระจุกกระจิก เช่น ข้าวสาร พริก หอม กระเทียม เกลือ กะปิ ปลาร้าขนมข้าวต้ม และอาหาร เช่น ห่อหมก (ทางเหนือ เรียก ห่อนึ่ง) ชิ้นปิ้ง (เนื้อย่าง) เนื้อเค็ม หมก เมี่ยง บุหรี่ ไม้ขีดไฟ เทียนไข สีย้อมผ้า ผลไม้ต่างๆ เครื่องใช้สอยต่างๆ ตามแต่ศรัทธาและฐานะ สิ่งของต่างๆ เหล่านี้จะบรรจุลงในก๋วย ซึ่งกรุด้วยใบตอง หรือกระดาษสีต่างๆ เมื่อจัดการบรรจุสิ่งของต่างๆ ลงในก๋วยเรียบร้อยแล้ว ก็จะเอา “ยอด” คือ สตางค์ หรือธนบัตร ผูกติดไม้เรียวเสียบไว้ “ยอด” ที่ใส่นั้นไม่จำกัดว่าเท่าใด แล้วแต่กำลังทรัพย์ และศรัทธา จะอำนวยให้ เมื่อเตรียมสิ่งของดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นในวันทานสลาก เขาก็จะใช้เด็ก ลูกหลานเอาเสื่อไปปูที่ลานวัดหรือตามศาลาบาตรและเอา “ก๋วยสลาก” ไปวางเรียงไว้เป็นแถวๆ ส่วนผู้เฒ่าผู้แก่ ก็จะจัดเตรียมขัน (พาน) ข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียน ถือขัน (พาน) ไปวัดกันเป็นหมู่ ๆ บ้างก็จูงมือลูกหลานไปด้วย ส่วนพวกหนุ่มๆ สาวๆ ก็ไปเหมือนกันสวนมากไปกันเกือบหมดทั้งครอบครัว เพราะถือว่าการทานสลากภัตนี้มีอานิสงส์มาก และจะได้ช่วยกันเอา “ก๋วยสลาก” ไปถวายพระในเวลามีการเรียก “เส้นสลาก”

“เส้นสลาก” ที่กล่าวนี้ ผู้เป็นเจ้าของ “ก๋วยสลาก” จะต้องเอาใบลานหรือกระดาษมาตัดเป็นแผ่นยาวๆ จารึกชื่อเจ้าของไว้ และบอกด้วยว่าอุทิศส่วนกุศลนั้นให้ใครบ้าง คำจารึกในเส้นสลากนั้นมักจะเขียนดังนี้ "สลากข้าวของนี้ หมายมีผู้ข้า นายเมือง นางดี ขอทานไว้กับตนตัวภายหน้า” คือหมายถึงว่าถวายทานไว้อุทิศส่วนกุศลไว้สำหรับตัวเอง เมื่อล่วงลับไปแล้ว จะได้รับเอาของไทยธรรมนั้นในปรโลก ซึ่งเป็นความเชื่อ ของพุทธศาสนิกชนทั่วไปว่า เมื่อทำบุญถวายทานไว้ในพระศาสนาแล้ว เมื่อล่วงลับดับขับธ์ไปแล้ว ก็จะได้เสวยอานิสงส์ผลบุญนั้นในโลกหน้า และจะมีการอุทิศส่วนกุสลนั้นให้ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้ว เช่น “ผู้ข้าหนานเสนา นางบุ บ้านใต้วัด ขอทานไปถึงนางจันตา ผู้เป็นแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว ขอหื้อไปรอดไปถึงจิ่มเต๊อะ” ดังนี้ เป็นต้น

“เส้นสลาก” ที่กล่าวนี้ จะต้องเขียนไว้ให้ครบจำนวนก๋วยสลาก เมื่อชาวบ้านนำเอาก้อยสลากไปที่วัดแล้ว ก็จะเอาสลากไปรวมกันไว้ที่หน้าพระประธานในวิหาร ซึ่งผู้รวบรวมสลากมักจะเป็นมัคนายกหรือที่เรียกกันว่า “อาจารย์” รวบรวมได้เท่าไร ก็จะเอาจำนวนพระภิกษุสามเณรที่นิมนต์มาจากหัววัดต่างๆ นั้นหารจำนวนสลาก และหักเหลือไว้ ส่วนหนึ่งเป็นส่วนของ “พระเจ้า” (คำว่าพระเจ้า เมืองเหนือหมายถึง พระพุทธรูป เช่น พระเจ้าเก้าตื้อ พระเจ้าทองทิพย์ ฯลฯ) และในที่นี้หมายถึงเป็นส่วนพิเศษของวัดที่จัดทำพิธีทานก๋วยสลากนั่นเอง สลากของ “พระเจ้า” นี้ เมื่อเสร็จจากการทำบุญแล้ว ก็จะแบ่งปันให้พระภิกษุสามเณรและเด็กวัด (ทางเมืองเหนือเรียกว่า ขะโยมวัด) โดยทั่วถึงกัน และอาจารย์หรือมัคนายก ก็จะได้ส่วนหนึ่ง แต่เงินยอดก๋วยสลากนั้น ส่วนของ “พระเจ้า” จะต้องเป็นเงินกองกลาง ของวัดสำหรับใช้จ่ายในกิจการของวัดต่อไป

การแบ่ง “เส้นสลาก” ในแบบฉบับของ “ชาวบ่ะเก่า” (คนโบราณ) นั้น ในสมัยที่พวกชาวบ้านยังไม่รู้หนังสือ ไม่รู้จักคิดเลขอยู่นั้น การแบ่ง “ก๋วยสลาก” จะต้องตก “เส้นสลาก” เป็นกองๆ รวม 2 กองกองหนึ่งของ “พระเจ้า” (คือของวัด) ส่วนอีก 2 กองนั้น เฉลี่ยออกไปตามจำนวนพระภิกษุสามเณรที่นิมนต์มาร่วมในงานทำบุญ หากมีเศษเหลือก็มักจะปัดเป็นของพระเจ้า

“เส้นสลาก” ที่แบ่งปันให้พระภิกษุสามเณร ที่นิมนต์มาจากวัดต่างๆ นั้น เมื่อพระภิกษุสามเณรได้รับส่วนแบ่งแล้วก็จะไปยึดเอาชัยภูมิแห่งหนึ่งในวัดและจัดการออกสลาก คือ อ่านชื่อในเส้นสลากดังๆ หรือให้ลูกศิษย์ (ขะโยม) ที่ไปด้วยนั้น ตะโกนตามข้อความที่เขียนไว้ในเส้นสลาก หรือเปลี่ยนเป็นคำสั้นๆ เช่น ศรัทธานายเมือง บ้านใต้วัดมีไหนเหอ” เมื่อผู้เป็นเจ้าของได้ยิน หรือมีเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ยินก็จะไปบอกให้เจ้าของ “ก๋วยสลาก” ซึ่งบางรายก็จะหิ้ว “ก๋วย” ไปตามหาเส้นสลากตามลานวัด การเที่ยวหาเส้นสลากนี้เป็นที่น่าสนุกสนานมาก พวกหนุ่มๆ สาวๆ เฒ่าชะแรแก่ชรา ไม่ว่าเด็กน้อยหรือหนุ่มใหญ่ก็จะหิ้ว “ก๋วยสลาก” ออกตามหาเส้นกันขวักไขว่ ทุกคนจะมีใบหน้าแช่มชื่นผ่องใสเพราะนานปีถึงจะมีการ “กิ๋นก๋วยสลาก” สักครั้ง บางวัด 3 ปี จะมีการทานสลากนี้สักครั้งหนึ่ง พวกหนุ่มๆ ก็จะถือโอกาสช่วยสาวๆ หาเส้นสลากเป็นการผูกไมตรีไปด้วย เมื่อพบเส้นสลากของตนแล้ว ก็จะเอา “ก๋วยสลาก” ไปถวายพระ พระก็จะอ่านข้อความในเส้นสลากให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง แล้วรับเอา “ก๋วยสลาก” และกล่าวอนุโมทนาให้พร แล้วก็คืนเส้นสลากนั้น ให้เจ้าของสลากไป เจ้าของก็นำเอาเส้นสลากนั้นไปรวมไว้ในวิหาร เมื่อเสร็จแล้ว “แก่วัด” หรือมัคนายก ก็จะเอาเส้นสลากนั้นไปเผาไฟหรือทิ้งเสีย

การตานก๋วยสลากนี้ นอกจากจะมี “ก๋วยเล็ก” แล้ว ผู้มีฐานะดี การเงินไม่ขัดสน ก็จะจัดเป็นพิเศษเรียกว่า “สลากโชค” สลากโชคนี้ ทำเป็นพิเศษกว่าสลากธรรมดาและในสมัยก่อนมักจะทำเป็นรูปเรือนหลังเล็กๆ มีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น หม้อข้าว หม้อแกง ถ้วยชาม เครื่องนอน หมอน มุ้ง เสื่ออ่อน ไม้กวาด เครื่องนุ่งห่ม อาหารสำเร็จรูป 1 สำรับ และรอบๆ เรือนหลังเล็กนั้น จะมีต้นกล้วยต้นอ้อยผูกติดไว้และยังมี “ยอด” เงินหลายสิบบาท หรือปัจจุบันก็เป็นร้อยๆ บาท ผูกติดไว้ สลากโชคนี้บางคนก็อุทิศส่วนกุศลให้บิดามารดา หรือญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว

สลากโชคนี้ เจ้าของจะตกแต่งประณีตสวยงามมากกว่าสลากธรรมดา บางรายเจ้าของก็จะเอาเครื่องประดับมีค่า เช่น สร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ หรือเข็มขัดนาค เข็มขัดเงิน ใส่ลงไปด้วยแต่ไม่ได้ “ทาน” ไปจริงๆ เมื่อถวายสลากแล้ว ก็มักจะขอ “บูชา” คืน การเอาของมีค่าใส่ลงไปเช่นนี้ ผู้ถวยมักจะอุทิศกุศลนั้นให้ตนเอง เพราะเชื่อวาเมื่อตายไปแล้ว หากไปเกิดในภพอื่น ก็จะได้รับสิ่งของที่ตนถวยอุทิศไว้อีก สลากโชคนี้ มักจะมีไม่กี่ราย เพราะต้องใช้จ่ายเงินทองมากและเมื่อจะยกเอาสลากโชคไปวัดก็จะมีการตีฆ้องกลองแห่แหนไป เมื่อถึงวัดก็จะนำเอาเส้นสลากไปรวมกันดังกล่าวมาแล้ว

การ “ตานก๋วยสลาก” นี้มิได้จัดทำเฉพาะหมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่งเท่านั้น บางทีหลายๆ หมู่บ้านจะรวมกันทำที่วัดใดวัดหนึ่งในตำบลนั้น แต่ต้องเป็นวัดใหญ่และเป็นวัดเก่าแก่เพราะถือกันอยู่ว่าวัดที่สร้างขึ้นใหม่จะมีงานตานก๋วยสลากก่อนวัดเก่าไม่ได้และวัดเล็กๆ ก็มักจะไปทำรวมกับวัดใหญ่ เพื่อตัดความยุ่งยากในการจัดทานและการเตรียมอาหารถวายพระสงฆ์สามเณรที่มาร่วมในงานด้วย

Location
Amphoe Ko Kha Province Lampang
Details of access
หนังสือประเพณีสิบสองเดือน
Reference สภาวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง
Organization สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง Email culture_lampang@hotmail.co.th
Comment
Please Login Before comment.

Username
Password
No comment.
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่