ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 15° 48' 31.1807"
15.8086613
ลองจิจูด (แวง) : E 104° 33' 16.9322"
104.5547034
เลขที่ : 123531
มวย บ้านก่อ
เสนอโดย อำนาจเจริญ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555
อนุมัติโดย อำนาจเจริญ วันที่ 22 มีนาคม 2565
จังหวัด : อำนาจเจริญ
1 789
รายละเอียด

มวย เป็นงานหัตถกรรมประเภทเครื่องใช้ภายในครัวเรือนที่เกี่ยวกับการประกอบอาหาร คือใช้เป็นภาชนะอย่างหนึ่งสำหรับนึ่งข้าวเหนียวที่คนไทยของภาคอีสานชอบรับประทานกันสืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องผูกพันกับชีวิตของคนเรามากที่สุด

มวย เป็นภาชนะที่ทำจากไม้ไผ่ (ไผ่บ้านหรือไผ่สีสุก) มีลักษณะเป็นรูปทรงกลมก้นสอบ ตัวมวยจะมีขนาดมาตรฐานของความสูงประมาณ ๑ ศอก (ฟุตเศษ) การสานลวดลายของมวยที่นิยมคือสานสองเวียน โดยมวย ๑ ลูกจะสาน ๒ ชิ้น เพื่อความหนาและแข็งแรง นอกจากนี้ การสานมวยเราจะต้องมีการเข้าขอบล่าง (ก้นมวย) การเข้าขอบบน (ปากมวย) ตลอดจนการสานแผ่นฝาขัดแตะ (ที่รองข้าวเหนียวเวลานึ่ง เพื่อไม่ให้ข้าวหลุดออกจากมวย เวลานึ่งข้าว)

นับได้ว่าการสานมวยของชาวบ้านก่อ ตำบลดอนเมย อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านแห่งหนึ่งของชุมชน ที่ได้สร้างชื่อเสียงและรายได้แก่ครอบครัว ในชุมชนโดยได้ยึดเป็นอาชีพสืบทอดติดต่อกันมา

ขั้นตอนกระบวนการผลิต/วิธีทำ

ขั้นเตรียมการ

๑. การเตรียมตอกโดยการไปสำรวจหาไม้ไผ่ แล้วตัดไม้ไผ่มาใช้ในการสานมวย ควรเลือกไม้ไผ่สีสุกหรือไม้ไผ่บ้านลำใหญ่ๆปล้องยาวๆลำต้นตรง ปลายไม่ด้วน อายุประมาณ ๒-๔ ปี เมื่อตัดไม้ไผ่มาได้แล้วให้ทำการเลื่อยเป็นท่อน ๆ

๒. การผ่าไม้ไผ่จะเป็นการทำให้ไม้ไผ่แยกกออกจากกันเป็นซี่ ๆ เพื่อนำไปจักตอกโดยเจียนปากประบอกไม้ไผ่ให้เรียบทั้งข้างหัวและข้างท้าย ซึ่งการเจียนครั้งแรกจะเจียนให้แฉลบ หรือเจียนเฉียง เพื่อป้องกันไม่ให้ปากกระบอกไม้ไผ่บริเวณที่เจียนแตก แล้วจึงเจียนครั้งที่ ๒ ให้ปากกระบอกไม้ไผ่เรียบเสมอกัน

๓. การส่วยไม้เป็นการเตรียมไม้ไผ่เพื่อง่ายต่อการจักตอก โดยจะเริ่มจากโคนโดยการใช้มีดถากด้านข้างของไม้ให้เรียบลงไปด้านปลายของไม้อีกข้างหนึ่ง ให้ปลายไม้ที่ส่วยมีความยาวประมาณ ๑๖ เซนติเมตร และด้านโคนจะกว้างประมาณ ๒ เซนติเมตร

๔. การจักตอกเป็นการนำไม้ไผ่ที่เราผ่าและส่วยแล้วมาแบ่งซอยเป็นซีก ๆ ให้มีขนาดเล็กใหญ่ ตามชนิดของตอกที่เราต้องการ

๕. การเหลาตอกตอกสำหรับการจักสานทุกชนิดจะต้องเหลาให้เรียบเสียก่อน หากใช้ตอกที่ไม่ได้เหลาสานผลิตภัณฑ์ เมื่อสำเร็จรูปแล้วจะดูไม่สวย วิธีเหลาตอกมี ๓ วิธี คือ

๑. การเหลาตอกปื้น

๒. การเหลาตอกตะแคง

๓. การเหลาตอกกลม

ขั้นการผลิต

ขั้นตอนที่ ๑ การสานฝาขัดแตะจะทำการสานลายสองซึ่งการสานฝาขัดแตะจะใช้ตอกพุ่ง (ตอกยั้ง) และตอกสาน โดยให้เตรียมอุปกรณ์ประกอบด้วย ตอกสำหรับสานฝาขัดแตะที่เตรียม ไว้แล้ว เส้นตอกพุ่ง (ตอกยั้ง) ประมาณ ๓๐ เส้น และใช้เส้นตอกสาน ประมาณ ๓๐ เส้น

ขั้นตอนที่ ๒การสานตัวมวยจะสานลายสองแบบเวียน โดยจะต้องใช้ตอกสำหรับสานลายสองเวียน ประมาณ ๙๐-๙๖ เส้น (ตัวมวยชั้นที่ ๑ และชั้นที่ ๒)

ขั้นตอนที่ ๓ การประกอบมวย

๑. การประกอบมวยชั้นใน

การประกอบมวยจะเริ่มจากประกอบมวยชั้นใน โดยนำมวยที่สานเป็นแผ่นด้วยลายสองเวียนตามขั้นตอนที่ ๒ มาม้วนเข้าด้วยกันสานเชื่อมต่อกันด้วยตอกที่เหลือ ๔ เส้น แล้วทำการ ไป่ตอก การไป่ตอก คือ การสานตอกเส้นบนกับตอกเส้นล่างทับกัน เป็นการสานส่วนที่ยัง ไม่สานให้เสร็จ โดยใช้มือซ้ายล้วงลงไปจับตอกที่เวียนขวาซึ่งอยู่แถวล่างดึงขึ้นมาทีละเส้น แล้วใช้มือจับตอกที่เวียนซ้ายวางขัดลงไปสลับกันทีละเส้น โดยให้เป็นลายสองที่ถูกต้อง

. การประกอบมวยชั้นที่สองทำดังต่อไปนี้

๒.๑ นำมวยทั้งสองชั้นมาสานให้สนิทชิดกัน

๒.๒ ใช้เชือกเส้นใหญ่ดึงรัดมวยชั้นในสลับกันซ้ายขวาให้สนิทและแน่น

๒.๓ ใช้ขอบที่เตรียมไว้ (เฉพาะขอบนอก) นำมาประมาณความยาวของเส้นรอบวงของตัวมวย

๒.๔ ใช้เชือกรัดตามที่ประมาณไว้

๒.๕ ใช้ขอบรัดตามที่ประมาณไว้

๓. การประกอบมวยชั้นที่สาม(คือการสานลายกระทุนเกวียน)

๓.๑ เตรียมมวยที่สานลายสองเข้าขอบยึดส่วนบนของมวยไว้ชั่วคราว เพื่อความสะดวกในการสาน

๓.๒ ใช้ตอกยืนเสียบลงตรงลายสองเวียนที่ ๖-๗ หรือสูงจาก้นมวยประมาณ ๒๐ เซนติเมตร

๓.๓ เสียบตอกยืนให้ทะลุลงถึงลายสองเวียนชั้นล่างสุดทุกเส้น โดยให้แต่ละเส้นหันด้านติวไปทางเดียวกันรอบตัวมวย

๓.๔ใช้ตอกสานเสียบเวียนสุดท้ายและให้ปลายตอกเสียบซ่อนไว้ใต้โคนของตอกยืน แล้วขัดตอกยืนไว้เส้นหนึ่งก่อน

๓.๕ เริ่มสานเวียนซ้าย โดยให้หัวตอกขัดตอกยืนหนึ่งเส้นแล้วซ่อนปลายตอกไว้ใต้โคนของตอกยืน

๓.๖ ตัดส่วนบนของมวยให้เรียบร้อย ด้วยมีดหรือกรรไกรจะได้มวยพร้อมขอบบนเรียบร้อย

ขั้นตอนที่ ๔การเข้าขอบมวย

การสานมวยจะต้องมีการเข้าขอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ตอกที่สานมวยหลุดลุ่ยออกจากกัน ทำให้มวยคงรูปและแข็งแรงสวยงาม ประกอบด้วย

๔.๑ การเข้าขอบบน เริ่มจากตัดปากมวยให้เรียบเสมอกัน โดยใช้ดินสอขีดเส้นปากมวยให้เสมอกัน แล้วใช้มีดหรือกรรไกรตัดตามรอย ก็ได้มวยที่พร้อมจะทำขอบบน

๔.๒ เข้าขอบมวย โดยนำขอบใน (เส้นตอกที่ไม่มีติวติด) ให้อยู่ด้านในและวางขอบนอก (เส้นตอกที่มีติวติด) สวมข้างนอก โดยหันด้านติวออกข้างนอก

๔.๓ ใช้เข็มร้อยด้ายแทงใต้ขอบ สอดด้ายมัดหลายรอบให้แน่น ในแต่ละจุดห่างกันประมาณ ๒ นิ้ว จนรอบขอบมวยแล้วขมวดปมมัดให้แน่น

๔.๔ การเข้าขอบล่าง เริ่มจากใช้ขอบประกบกันแล้วใช้เชือกรัด สวมขอบนอกประกบด้านนอก แล้วใช้เข็มเย็บจากขอบด้านนอกเข้าไปด้านในสองรอบแล้วขมวดปมให้แน่น เย็บขอบล่างโดยการเย็บใต้ขอบ ห่างกันเป็นช่วง ๆ ละ ๒ นิ้วจนรอบ แล้วขมวดปมให้เรียบร้อย

ขั้นตอนที่ ๕ การเย็บก้นมวย

นำก้นมวยมาทำเครื่องหมายไว้ แล้วเย็บใต้ขอบนอกตามเครื่องหมาย ขมวดด้านตรงข้ามดึงให้ด้ายทะลุไปยังทิศตรงกันข้ามแล้วดึงด้ายให้ตึง แล้วโยงไปยังจุดต่อไป ห่างกันจุดละประมาณ ๒ นิ้ว ทำไปเรื่อย ๆ จนรอบ แล้วขมวดปมให้แน่นต่อไปจึงเย็บฝาขัดแตะยึดติดกันกับมวยให้แน่นจึงนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

ขั้นหลังการผลิต

๑.เมื่อได้มวยที่เรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีมอดหรือเชื้อราและใช้ได้นาน ขั้นสุดท้ายจะนำมวยไปรมควัน โดยใช้ฟางข้าวสุมไฟให้เกิดควัน

๒. นำมวยไปรมควันหมุนไปเรื่อย ๆ ให้รอบ สังเกตว่ามวยมีสีเหลืองนวลก็ให้หยุด เพราะจะทำให้มวยมีความกรอบ ไม่ทนทานและสีไม่สวย โดยใช้เวลารมควันประมาณ ๓ นาที

๓. สอดไม้สานก้นมวยเพื่อให้มีความแข็งแรง โดยการใช้ไม้ไผ่เหลายาวขนาดเท่ากับก้นมวย ใช้สอดเข้าด้านล่างขอบมวย สานเป็นรูปกากบาท ๒ เส้น ก็จะได้มวยที่เสร็จสมบูรณ์ พร้อมใช้งานได้

สถานที่ตั้ง
บ้านก่อ
หมู่ที่/หมู่บ้าน 2 บ้านก่อ
อำเภอ เมืองอำนาจเจริญ จังหวัด อำนาจเจริญ
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
หนังสืองานช่างฝีมือพื้นบ้าน จังหวัดอำนาจเจริญ
บุคคลอ้างอิง นายคำพัน ยะปะตัง
ชื่อที่ทำงาน คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ตำบล ในเมือง อำเภอ เมืองขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น รหัสไปรษณีย์ 40002
โทรศัพท์ ๐- ๔๓๒๐-๒๔๐๓
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่