ประวัติผ้ากาบบัว เมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย มีวิวัฒนาการโดยมีชุมชนที่เรียกว่า”ชาวอุบล” มาเป็นเวลากว่า 200ปี ทำให้เกิดการสั่งสมและพัฒนาการในทุๆทางอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผ้าทอมือซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ถักทอด้วยวิญญาณของคนอุบลฯ ที่มีลวดลายเฉพาะไม่เหมือนใคร จนได้รับคำชื่นชมจากสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งประทับที่เมืองอุบลฯ ในปี พ.ศ. 2543 นายศิวะ แสงมณี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้ริเริ่มโครงการสืบสานผ้าไทยสายใยเมืองอุบลฯ และเพื่อให้เกิดความเป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมของชาวอุบลฯ จึงได้มีคณะทำงานพิจารณาฟื้นฟูลายผ้าไทยพื้นเมืองในอดีตที่สวยงาม จนได้ลายผ้ามีลักษณะเฉพาะชื่อว่า “ผ้ากาบบัว” และประกาศให้ลายผ้ากาบบัวเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2543 ผ้ากาบบัว อาจทอด้วยเส้นฝ้ายหรือเส้นไหม ประกอบด้วยเส้นยืนย้อม อย่างน้อยสองสี เป็นริ้วตามลักษณะ “ซิ่นทิว” และยังทอพุ่งด้วยไหมสีมับไม (ไหมฟั่นเป็นเกลียวหางกระรอก) มัดหมี่ และขิด
วิธีใช้ผ้ากาบบัว
ผ้าฝ้าย
- ก่อนตัดควรแช่น้ำอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือลงน้ำยาก่อนตัด
- ควรอัดผ้ากาวเพื่อมให้กระชับ รูปทรงสวยงาม
- ไม่จำเป็นต้องส่งซักแห้ง สามารถซักเองได้ ซักรีดง่าย ไม่ควรซักเครื่อง
ผ้าไหม
- ก่อนตัดควรลงน้ำยาอบผ้าไหมก่อน จะสวยงามมากขึ้น
- เวลาตัดควรอัดกาวเพื่อให้ผ้ากระชับ รูปทรงสวยงาม
- สามารถซักเองได้ แต่ไม่ควรซักด้วยเครื่องซักผ้า เวลาซักไม่ควรบิด เวลารีดให้ใช้ไฟปานกลาง ความร้อนประมาณ 80 องศา
ข้อมูลจาก กลุ่มพัฒนาสตรี ผ้าไทย
เลขที่ 48 ม.9 ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี 34190 โทร. 0-4526-1891, 08-1548-3360