การแทงหยวก เป็นวิชาความรู้ที่ถ่ายทอดกันมาตั้งแต่อดีต ซึ่งศิลปะการแทงหยวกเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่งในงานช่างสิบหมู่ ประเภทงานสลักของอ่อน โดยช่างแทงหยวกจะใช้วัสดุที่หาง่ายในชนบท คือต้นกล้วย มาสร้างงานฝีมือซึ่งมักใช้ในงานสร้างสรรค์เป็นผลงาน โดยการนำกาบของต้นกล้วยมาสลักเป็นลวดลายต่างๆ ใช้ประดับตกแต่งตามจุดสำคัญในงานต่างๆทั้งงานมงคลและงานอวมงคล ตกแต่งประดับประดา เมรุเผาศพ งานบวช งานกฐิน และงาน ตกแต่งอื่นๆ สืบทอดกันมาหลายร้อยปี
กระบวนการแทงหยวกนั้น ต้องเริ่มจากการไหว้ครู เพื่อรำลึกถึงครูอาจารย์ มีธูป 3 ดอก เทียนขี้ผึ้ง 1 เล่ม ดอกไม้ 3 สี สุรา 1 ขวด ผ้าขาวม้า 1 ผืน เงินค่าครู 142 บาท อุปกรณ์ ประกอบด้วย มีดสำหรับแทงหยวก โดยการตีดิบ ไม่ต้องเอาไปเผาไฟ ตอกใช้สำหรับประกอบเข้าเป็นส่วนต่างๆ วัสดุที่ใช้ คือ ต้นกล้วยตานี เพราะไม่แตกง่าย
ปัจจุบันต้นกล้วยตานีหายาก และมีขนาดไม่เหมาะสมสำหรับใช้งาน จึงนิยมใช้ต้นกล้วยน้ำว้าแทน โดยต้องเป็นต้นกล้วยน้ำว้าสาว คือต้นกล้วยที่ยังไม่มีเครือ หรือยังไม่ออกหวีกล้วย ต้นกล้วยจะอ่อนแทงลวดลายได้ง่ายกระดาษสี ใช้สำหรับรองรับลวดลายต้นกล้วยให้ปรากฏชัดเจน
ขั้นตอนการแทงหยวกและประกอบเข้าเป็นลายชุด นั้น มี 3 ขั้นตอนใหญ่ ๆ คือขั้นเตรียมหยวกกล้วย ขั้นแทงลวดลายลงบนหยวก และขั้นประกอบเป็นลายชุด ซึ่งแต่ละขั้นตอนนั้น มีคุณค่าสูงด้านศิลปะ จิตใจ ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น การแทงหยวก เป็นภูมิปัญญาที่นับวันจะเลือนหายไปจากสังคมไทย จึงควรได้รับการอนุรักษ์ สืบสาน เผยแพร่ ให้คงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป
การแทงหยวกเป็นงานที่ต้องอาศัยความชำนาญ และสมาธิอย่างสูงช่างแทงหยวกต้องจดจำลายที่จะใช้แทงให้ได้เนื่องจากการแทงหยวกมีเวลาจำกัดเพราะต้นกล้วยจะเหี่ยวไว และดำ ช่างจึงต้องจดจำลายและแบบแผนของลายที่จะแทงลงไปให้ได้ จึงจะสามารถแทงหยวกหยวกได้อย่างแม่นยำโดยไม่มีการร่างแบบ ซึ่ง หยวกจะคงรูปอยู่ได้ประมาณ 1-2 วัน ดังนั้นช่างแทงหยวกจะต้องทำงานให้เสร็จภายในวันเดียว กล่าวคือถ้าจะใช้งานในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ ช่างก็จะเริ่มแทงหยวกกันในคืนนี้ เพื่อให้เสร็จทันในวันรุ่งขึ้น และหยวกยังคงสภาพดีอยู่นั่นเอง
ย้อนหลังไปประมาณ 20-30 ปี ขึ้นไป มีประเพณีที่เกี่ยวกับการแทงหยวกกล้วยอยู่ 2 อย่าง คือ การโกนจุกเเละการเผาศพ (โดยเฉพาะศพผู้ที่มีฐานะปานกลาง) งานโกนจุกหรือประเพณีการโกนจุก จะมีการจำลองเขาพระสุเมรุ ตามความเชื่อ เเล้วตกเเต่งภูเขาด้วยรูปสัตว์ต่างๆ ส่วนภูเขาพระสุเมรุจะตั้งอยู่ตรงกลางร้านม้า ซึ่งทำโครงสร้างด้วยไม้เเล้วหุ้มด้วยหยวกกล้วยเเกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ ประเพณีการเผาศพก็เช่นกันจะทำ ร้านม้า ซึ่งทำโครงสร้างด้วยไม้แล้วประดับด้วยหยวกกล้วยแกะสลักอย่างงดงาม การสลักหยวกกล้วยนั้นผู้ที่เป็นช่างจะต้องได้รับการฝึกหัดจนเกิด ความชำนาญพอสมควร เพราะการสลักหยวกกล้วยนั้นช่างจะไม่วาดลวดลายลงไปก่อน จับมีดได้ก็ลงมือสลักกันเลยทีเดียว จึงเรียกตามการทำงานนี้ว่า “การแทงหยวก” ประกอบกับมีดที่ใช้มีปลายเเหลม เมื่อพิจารณาดูเเล้วก็เหมาะสมที่จะเรียกว่า “แทงหยวก”
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://suratthani.m-culture.go.th/th/db_105_suratthani_21/180945