ประวัติเล่าว่ากลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทคำตากล้าในปี พ.ศ. 2438 และ ปี พ.ศ. 2439 ได้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ของชาวผู้ไทขึ้น สาเหตุก็มาจากศึกสงครามแย่งชิงอำนาจกัน ระหว่างบรรดาหัวหน้าของไทดำกลุ่มต่างๆ ในแคว้นสิบสองจุไท พวกไทดำจึงได้อพยพเข้ามาในประเทศลาวและในภาคอีสานของประเทศไทย
ในประเทศลาวนั้น ชาวไทดำส่วนมากได้ตั้งถิ่นฐานใน แขวงหลวงน้ำทา แขวงบ่อแก้ว แขวงอุดมชัย แขวงหัวพัน และ แขวงซำเหนือ ส่วนในในประเทศไทยนั้น ก็อพยพเข้ามาด้วยเช่นกัน โดยมา้ตั้งถิ่นฐานในภาคอีสานตอนบน นครพนม กาฬสินธ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด และสกลนครในช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. 2496 จนถึงปี พ.ศ. 2497 ได้เกิดสงครามในเมืองเดียนเบียนฟู ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองของแคว้นสิบสองจุไทเดิม ชาวผู้ไทจึงได้อพยพหลบหนีการเกณฑ์ทหารของฝรั่งเศส เข้ามาในประเทศ
การตั้งถิ่นฐานในพื้นที่อำเภอคำตากล้า พบว่า มีการอพยพเข้ามาของผู้คนในกลุ่มวัฒนธรรมไทลาวภายใต้อำนาจการปกครองของอาณาจักรล้านช้าง ต่อมาเมื่อเข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์ก็ยังเป็นพื้นที่ผู้คนอาศัยอยู่น้อยและเบาบาง จนกระทั่งราวปีพุทธศักราช 2440 มีการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ของราษฎรกลุ่มแรก คือ กลุ่มผู้ไทหรือภูไทจากเมืองเวหรือเมืองเรณูคร ด้วยการนำของท้าวสีหาราช กรมการเมืองเรณูนคร (ท้าวสีหาราชเป็นตันสกุล “ศรีสุราช”) อพยพออกจากเมืองเรณูนครแล้วไปพักในเขตท้องที่อำเภอพรรณานิคม จากนั้นย้ายต่อไปอยู่ที่บ้านหนองแวง (บ้านหนองแวงใต้ ตำบลหนองแวง อำเภอ
วานรนิวาส จังหวัดสกลนคร) แต่พื้นที่ทำมาหากินไม่เอื้ออำนวย จึงได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานใหม่อีกครั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสงคราม บริเวณบ้านท่ากกแดง ตำบลท่ากกแดง อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ในปัจจุบัน แต่อยู่ได้ไม่นานเพราะในช่วงฤดูฝนมักเกิดน้ำท่วมใหญ่ จึงอพยพข้ามแม่น้ำสงครามลงมาทางทิศใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่สูงและลาดต่ำลงสู่หนองสามขา