ประวัติโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดนิเวศธรรมประวัติ
โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดนิเวศธรรมประวัติเรียกได้ว่าเป็นสำนักเรียนที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่ได้จัดการเรียนการสอนแก่นักเรียนในระดับท้องถิ่นของอำเภอบางปะอินเมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อนใน ปีพ.ศ.๒๔๒๖ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงผนวชที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง เพื่อตอบสนองพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะให้มีเจ้านายมาประทับที่วัดนี้บ้างพระอาจารย์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพคือพระอมราภิรักขิตเจ้าอาวาสองค์แรก ที่วัดนิเวศฯแห่งนี้ ในสมัยที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงประทับอยู่ที่วัด พระองค์ได้ทรงเปิดโรงเรียนสอนหนังสือเด็กขึ้นที่วัด ซึ่งเป็นผลให้ทรงพระราชนิพนธ์ตำรา“แบบเรียนเร็วเล่ม๑” เพื่อใช้สอนนักเรียนที่โรงเรียนของวัดเป็นครั้งแรก
โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดนิเวศธรรมประวัติในสมัยพระธรรมบัณฑิตขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระญาณดิลกเจ้าอาวาสองค์ที่๖ ได้มีดำริว่าโรงเรียนวัดนิเวศธรรมประวัติซึ่งมีนักเรียนอยู่เดิม ได้ย้ายข้ามฟากไปสร้างใหม่ และใช้นามว่า“โรงเรียนบางปะอินราชานุเคราะห์๑”
อนึ่ง อาคารเรียน๒หลังเก่า ซึ่งอยู่นอกกำแพงรั้วเหล็กถูกทอดทิ้งว่างเปล่า ไม่ได้ใช้งานอยู่เป็นเวลานานควรจะใช้ประโยชน์ในการศึกษา เพื่อให้ความรู้แก่กุลบุตรผู้ต้องการความรู้ แต่ไม่มีโอกาส
เพราะอยู่ในชนบทที่ห่างไกลและขัดสน ประกอบกับกรมการศาสนามีนโยบายให้วัดต่างๆจัดตั้งโรงเรียนเพื่อจัดการศึกษาให้แก่พระภิกษุและสามเณรโดยไม่คิดมูลค่า
ดังนั้นพระธรรมบัณฑิตซึ่งในขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระญาณดิลก ร่วมกับคณะบรรพชิต และฆราวาสที่ร่วมกันก่อตั้งในยุคนั้นได้แก่
บรรพชิต
พระญาณดิลก (ทองใส กตธุโร) ป.ธ. ๔)
พรระครูวุฒิสารคุณาภรณ์(สำเภา ติสาโร ป.ธ. ๓)
พระครูปริยัติธาดา(ประยุทธ์ พุทฺธิญาโณป.ธ. ๓)
พระมหาสงคราม (นายสงคราม มังคละแสน)
พระมหาไพฑูรย์ สิริธโร
ฆราวาส
นายพยอม พายุคีรี (ไวยาวัฏจกร)
นายเปรื่อง พงษ์ศักดิ์
จึงได้ดำเนินการขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียนขึ้น และได้รับอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนได้ตามใบอนุญาตของกรมการศาสนาเลขที่๒๓/๒๕๑๕ ลงวันที่๑๐เมษายน๒๕๑๕ เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงเปิดรับนักเรียนที่เป็นพระภิกษุสามเณรซึ่งมีอยู่แล้ว จำนวน๔๓ รูปเปิดทำการสอนในชั้นประถมปีที่๕เป็นปีแรก เมื่อวันที่๑๗พฤษภาคม๒๕๑๕ ในขณะที่โรงเรียนยังไม่มีอุปกรณ์อะไรแม้แต่โต๊ะที่จะให้นักเรียนได้นั่งเรียน ทั้งครูอาจารย์และนักเรียนต้องช่วยกันทำกระดานต่อเป็นโต๊ะและม้านั่งยาวตลอด และได้เริ่มประชาสัมพันธ์แก่พุทธบริษัทผู้มีศรัทธา ในการจัดการศึกษาให้แก่พระภิกษุ สามเณร เป็นวิทยาทานนับว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพุทธศาสนิกชน ทั้งในด้านการอุดหนุนทุนทรัพย์และกำลังกาย กำลังความรู้ความสามารถคณะครูอาจารย์และวิทยากรพิเศษแม้จะอยู่ห่างไกลถึงกรุงเทพฯ ก็ยินดีมาทำการถวายความรู้แก่พระภิกษุสามเณร โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ แม้กระทั่งค่าพาหนะในการเดินทางไปและกลับ เพราะทุกท่านทราบดีว่าทางวัดไม่มีทุนเลย ในขณะนั้นและเป็นเช่นนี้เรื่อยมาเป็นเวลากว่าสิบปี ซึ่งคณาจารย์ในยุคแรกๆนั้นมีรายชื่อดังต่อไปนี้
อาจารย์อ่องศรี ไชยนันท์ เป็นหัวหน้าคณาจารย์จากโรงเรียนราชินีบนกรุงเทพฯพร้อมกับ
อาจารย์สิริวรรณ สัมภวผล
อาจารย์กนิษฐา คุ้มวนิช
อาจารย์อรวรรณ สัจจวีรวรรณ
อาจารย์สมพร สิทธิคง
อาจารย์วาณี พุ่มแสง
อาจารย์อรอนงค์ จิตรศิลป์
นอกจากอาจารย์จากโรงเรียนราชินีบนแล้ว ยังมีคณะอาจารย์จากโรงเรียนปราสาททอง คณะอาจารย์จากโรงเรียนบางปะอิน“ราชานุเคราะห์๑” คณะอาจารย์จากโรงเรียนวัดชุมพล ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาท่านอื่นอีกด้วย
นับแต่ทางโรงเรียนได้เปิดทำการสอนแล้วนักเรียนได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีในปีพ.ศ. ๒๕๑๙ จึงได้สร้างอาคารเรียนหลังใหม่ขึ้นทางด้านทิศเหนือของโรงเรียนเดิม เป็นอาคาร2 ชั้น เพื่อจัดการเรียนการสอนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ทุนทรัพย์ในการก่อสร้างได้รับการสนับสนุนจากพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงสิริรัตน์บุษบงษ์ ดิศกุล ม.จ.มารยาตรกัญญา ดิศกุล ม.จ.จงจิตรถนอม ดิศกุล ม.จ.กุมารีเฉลิมลักษณ์ จิตรพงษ์คุณเอกชัย กรรณสูตร นายแพทย์ชัย -ม.ร.ว.พรรณจิตร กรรณสูตรและประชาชนโดยทั่วไป
โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดนิเวศธรรมประวัติแห่งนี้ได้เปิดทำการเรียนการสอนใน๓สายการศึกษาได้แก่ หลักสูตรโรงเรียนพระปริยัติแผนกสามัญศึกษาโดยทั่วไปคือสายบาลีสายนักธรรมและสายสามัญ นักเรียนที่เรียนอยู่ในวัดล้วนเป็นพระภิกษุและสามเณร ทั้งสิ้นและต้องเรียนทั้ง๓สายการศึกษา เพื่อที่นักเรียนจะได้มีความรู้ทั้งทางโลก และทางธรรมควบคู่กันไป อีกทั้งยังสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายหลักของการจัดการศึกษาที่ต้องการสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กไทยในอีกลักษณะหนึ่งด้วย
ใน ปีพ.ศ. ๒๕๓๕ โรงเรียนได้เริ่มขยายชั้นเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ขึ้นและเปิดสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔ เป็นปีแรกในปีถัดมาจึงได้เปิดสอนในระดับชั้นม.๕ และม.๖เรื่อยมา
ใน ปีพ.ศ. ๒๕๔๒ วัดนิเวศธรรมประวัติเห็นว่าอาคารเรียนหลังเก่าเริ่มทรุดโทรมลงไปมาก ตามกาลเวลาและจำนวนนักเรียนมีเพิ่มมากขึ้นทุกปี จึงได้ดำเนินการสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ขึ้นอีกหลังหนึ่งเพื่อใช้รองรับกับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น เป็นอาคารเรียน๒ ชั้น ซึ่งได้รับการออกแบบก่อสร้างโดย
คุณกนก เดชาวาสน์และพระสาโรช ปสนฺนจิตฺโต(ฐิติเกียรติพงศ์) และก่อสร้างแล้วเสร็จ ประมาณกลางปีเดียวกันและในปีเดียวกันนี้เองเมื่อวันที่๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๒ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯได้เสด็จมาเปิดอาคารเรียนหลังใหม่ นับว่าเป็นสิ่งที่สร้างความปลาบปลื้มยินดีแก่ผู้มีจิตศรัทธารวมทั้งพสกนิกรบางปะอินที่มารอรับเสด็จเป็นอย่างยิ่ง
ด้านความเป็นอยู่
การอยู่อาศัยของพระภิกษุและสามเณรที่ศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดนิเวศธรรมประวัติ แห่งนี้ มีการเข้าพักอาศัยตามกุฏิที่พักต่างๆ ตามที่วัดจัดให้และการฉันอาหารตามอย่างวิสัยของพระภิกษุสามเณรที่มีศีลาจารวัตรเป็นกรอบให้ประพฤติปฏิบัติ
สภาพปัจจุบัน
โรงเรียนปัจจุบัน โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่บนเกาะลอย เลขที่ ๖๐ หมู่ ๑๒ ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ที่ใช้เป็นโรงเรียนประมาณ ๑๐ ไร่ เศษ ตั้งอยู่บนเกาะลอย ด้านฝั่งตะวันตกของพระราชวังบางปะอิน ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ วัดนิเวศธรรมประวัติ ของเนื้อที่ทั้งหมด เปิดสอน ๖ ห้องเรียน มีนักเรียนทั้งหมด ๑๒๘ รูป และมีครูที่เป็นครูประจำ และครูพิเศษ รวม ๒๓ รูป/ คน
ปรัชญาโรงเรียน
นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา
ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี
คำขวัญโรงเรียน
เคารพพระธรรมวินัย ตั้งใจศึกษา มีกตัญญูกตเวทิตา
ปัจจุบันมี พระอาจารย์พระจักพงษ์ อภิชาโต เป็นอาจารย์ใหญ่