ชื่อชุมชนคุณธรรมต้นแบบ :ชุมชนคุณธรรมวัดหลวงพ่อเขียว
ประวัติความเป็นมาของชุมชน
วัดหลวงพ่อเขียวเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชน เดิมชื่อ “วัดข้าวพุ่มเขียว” หรือ “วัดข้าวเขียว” แต่ชาวบ้านนิยมเรียก “วัดพระเขียว” ตามลักษณะของพระพุทธรูปหินทรายเนื้อสีเขียวแกมเทาที่ขุดพบประดิษฐานอยู่ในวิหาร จากคำบอกเล่าของคุณยายปลั่ง ลือพัตร อายุ ๑๐๕ ปี (เสียชีวิตเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๗) วัดพระเขียวสร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา เคยเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองมาก เป็นเส้นทางผ่านการเดินทัพของพม่า เมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ชาวบ้าน พระ เณร ต้องหลบนีเอาตัวรอดจนกลายเป็นวัดร้าง ทิ้งซากปรักหักพังจมอยู่ใต้โคลนตม พอบ้านเมืองสงบ ชาวบ้านที่อพยพก็กลับเข้ามาสร้างบ้านเรือนใหม่ สร้างวัด สร้างกฏิพระ บนที่ดินของพ่อนวม แม่เนียม เนื้อที่ ๙ ไร่ ๔ ตารางวา หลวงพ่อได้มาเข้าฝันชาวบ้านว่าท่านจมดินอยู่ ให้ขุดขึ้นมาจึงพบชิ้นส่วนพระพุทธรูปหินทรายสีเขชียวอมเทา ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “หลวงพ่อเขียว”
จุดเด่น/เสน่ห์ของชุมชน
๑. ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม: มีแหล่งน้ำสำหรับทำการเกษตรจากแม่น้ำลพบุรีและคลองชลประทาน ในพื้นที่ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม จึงไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
๒. ด้านการเมืองและการบริหารจัดการ: ประชาชนมีความสนใจและเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองมากยิ่งขึ้น มีความตื่นตัวในการรักษาสิทธิ์ในการเลือกตั้งลงคะแนนทุกครั้ง
๓.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน: มีความเจริญ มีถนน มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้อย่างทั่วถึงทุกครัวเรือน ประชากรในชุมชนอยู่ร่วมกันแบบเครือญาติพึ่งพาอาศัยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน มีความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งในเดียวกัน
๔. ด้านสาธารณสุข: มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) คอยตรวจเยี่ยมผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ตามครัวเรือนเป็นระยะ คนในชุมชนมีสุขภาพจิตดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง ในชุมชนไม่มีมลภาวะเป็นพิษ ไม่มีการระบาดของโรคระบาดร้ายแรง เนื่องจากมีการเฝ้าระวังและป้องกันอย่างเคร่งครัด
๕. ด้านเศรษฐกิจ: ประชากรส่วนใหญ่มีการประกอบอาชีพมีรายได้ประจำสำหรับใช้จ่ายในครอบครัว
๖. ด้านสังคม: ผู้สูงอายุได้รับการดูแลจากลูกหลานเป็นอย่าดี ไม่มีผู้ถูกทอดทิ้ง ประชาชนยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา เข้าวัด ทำบุญ ตักบาตรทุกวันพระและในเทศกาลงานบุญตามประเพณีวัฒนธรรมไทย
อาณาเขต
ชุมชนคุณธรรมวัดหลวงพ่อเขียว ตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ ตำบลสำพะเนียง อำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห่างจากที่ว่าการอำเภอบ้านแพรกไปทางทิศตะวันออก ระยะทางประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร ห่างจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปทางทิศตะวันตก ระยะทาง ๕๒ กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
ทิศเหนือ :ติดต่อกับ หมู่ที่ ๔ ตำบลสำพะเนียง
ทิศใต้: ติดต่อกับ หมู่ที่ ๑ ตำบลสำพะเนียง
ทิศตะวันออก: ติดต่อกับ หมู่ที่ ๑ ตำบลบ้านแพรก
ทิศตะวันตก: ติดต่อกับ หมู่ที่ ๕ ตำบลสำพะเนียง
ลักษณะภูมิประเทศ
มีความอุดมสมบูรณ์ ประชาชนในพื้นที่ส่วนใญ่มีอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำสวน ปลูกพืชผักสวนผสม อยู่แบบพอเพียง ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เอื้ออาทร และพึ่งพาตนเองได้ ภัยพิบัติต่างๆ ก็ไม่มีผลกระทบต่อประชาชนมากนัก มีแม่น้ำลพบุรีไหลผ่าน และมีคลองส่งน้ำในระบบชลประทาน ในช่วงฤดูฝนชาวบ้านจะทำนา หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว น้ำจากทางเหนือจะไหลเข้าท่วมบริเวณที่ราบลุ่มนำเอาอินทรียวัตถุเข้ามาทำให้สภาพดินมีความอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะป็นดินร่วนปนทราย อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ ๒๕.๕๐ องศาเซลเซียส
จำนวนประชากร :จำนวนประชากร รวมทั้งสิ้น จำนวน ๔๐๓ คน จำแนกเป็น ชาย ๑๙๒ คน หญิง ๒๑๑ คน , จำนวนครัวเรือน ๑๐๘ ครัวเรือน
สถานที่สำคัญ
1. โรงเรียนเทศบาลวัดหลวงพ่อเขียว
2. ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยตำบลสำพะเนียง
3. พิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาบ้านแพรก
4. โฮมสเตย์บ้านผู้ใหญ่ปจักษ์