ด้วยชาวลาวโซ่งหรือชาวไทยทรงดำ มีเครื่องแต่งกายที่เป็นอัตลักษณ์โดดเด่น พวกเขาจะใช้เสื้อผ้าสีดำ เป็นหลัก และมีสีเขียว สีเหลืองส้ม สีแดงและสีขาวมาประกอบด้วย เหตุเพราะเสื้อผ้าไทดำไม่มีขายในท้องตลาด พวกเขาจึงต้องทำการทอผ้าขึ้นมาใช้เอง เพื่อตัดเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่มให้เหมือนกับบรรพบุรุษของเขา ด้วยเหตุผลนี้จึงเกิดการสืบทอดมรดกภูมิปัญญาการทอผ้าของชาวไทยทรงดำบ้านวังหยวกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ชุมชนบ้านวังหยวก ในหมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มีชาวบ้านบางส่วนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ลาวโซ่ง (ไทยทรงดำ) ไทดำ ชนกลุ่มนี้อาศัยอยู่ประมาณ ๖๐๐ถึง๑,๐๐๐ คน ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเขาอพยพหนีสงครามมาจากดินแดน ๑๒ จุดไทย ประเทศเวียดนาม ในยุคสมัยรัชกาลที่ ๑ กลุ่มชาติพันธุ์ชาวลาวโซ่งทะลักเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก รัชกาลที่ ๑ ท่านจึงจัดที่ให้ลาวโซ่งไปอาศัยอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี และต่อมาชาวลาวโซ่งพยามยามจะเดินทางกลับประเทศของตน จึงมีหลายกลุ่มพากันเดินทางไปทางทิศเหนือ ร่วมถึงบรรพบุรุษของชาวไทยดำ บ้านวังหยวกด้วย ได้เดินทางออกจากจังหวัดเพชรบุรี โดยใช้เรือเป็นพาหนะ พอถึงบางกอกหรือกรุงเทพ พวกเขาต่างลงเรือสินค้าเพื่อเดินทางขึ้นเหนือไปตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงเมืองปากน้ำโพ ได้ขึ้นจากเรือสินค้าที่ท่าเรือจ้างตรงบริเวณต้นแม่น้ำเจ้าพระยา จากนั้นลงเรือเล็กเดินทางต่อไปยังอำเภอบ้านแก่ง และพากันเดินทางไปเลื่อยๆ โดยอาศัยลำน้ำเป็นหลักจนกระทั่งมาถึงชุมชนบ้านวังหยวก หมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านแก่ง จึงปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ประจำที่นี่จนถึงปัจจุบัน
เมื่อมีการอพยพย้ายถิ่นฐาน ก็ย่อมเกิดการเคลื่อนย้ายวัฒนธรรมติดตัวไปด้วย ซึ่ง กลุ่มชาติพันธุ์ลาวโซ่ง (ไทยทรงดำ) ชุมชนบ้านวังหยวก ตำบลบ้านแก่ง ก็มีวัฒนธรรมที่ติดตัวมาด้วยคือ วิถีชีวิตวัฒนธรรมด้านภาษาพูด ด้านอาหารการกิน ด้านการแต่งกาย และการสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นมาก ในการนี้จะนำเสนอด้านวัฒนธรรมการแต่งกาย และชูเรื่องมรดกภูมิปัญญาการทอผ้าของชาวไทยทรงดำ บ้านวังหยวก หมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
วัตถุดิบ ประกอบด้วย
-เส้นไหมฝ้าย/ไหมประดิษฐ์
-สีย้อมผ้า(หากจะย้อมแบบโบราณ) แต่ปัจจุบันเลิกย้อมเองแล้ว ใช้การสั่งเส้นไหมสำเร็จมาใช้
-กระป๋องผสมสี
-น้ำใช้ผสมสี
-เชื้อเพลิงทำการย้อมผ้า
๑. เส้นใยที่ใช้ในการทอผ้าฝ้ายและใยสังเคราะห์
กว่าจะมาเป็นผ้าผืนไทดำบ้านวังหยวก
สมัยบรรพชนได้ปลูก เมื่อฝ้ายแก่เต็มที่ปุยฝ้ายจะแตกฟู เก็บฝ้ายไว้ตากให้แห้งสนิท นำฝ้ายมาแกะเก็บเปลือกให้สะอาด นำปุยฝ้ายเข้าอิ้ว หมุนอิ้วด้วยหลาให้เป็นเส้นด้ายจนเต็มเหล็กใน ใช้เปีย เปียด้ายออกจากเหล็กไน ( 1 ไน = 1 ไจ/10 – 8 ไจ = 1 เข็ด (1 กั้น) /10 เข็ด(10 กั้น) = 1 ลูก ) แล้วจัดด้ายให้เป็นไจ นำด้ายไจลงแช่ในน้ำข้าวครึ่งวันแล้วกระทกด้ายมีความตึงและเส้นแน่นแล้วใช้หนามเตยหวีเส้นด้าย นำด้ายไจไปตากให้แห้ง เมื่อแห้งสนิทดีแล้วนำด้ายใส่กวัก กวักเส้นด้ายออกมาใส่กงได้ 6-8 ลูก นำเส้นด้ายผ่านกรรมวิธีค้นด้าย เพื่อใช้ในการทอผ้าต่อไป“ซึ่งยุคนี้ลูกหลานไทดำบ้านวังหยวกได้พัฒนาใช้ไหมสำเร็จ/ใยสังเคราะห์แทนการปั่นฝ้ายแบบของดั้งเดิมแล้ว”
๒. การทอผ้าไทดำ
๒.๑ การทอผ้าพื้นธรรมดา (๒ ตะกรอ)
วัสดุที่ใช้ : ๑. ด้ายยืน ๒. ด้ายพุ่งพร้อมกระสวย
ขั้นตอนการทอผ้าไทดำ
๑. เริ่มงานทอโดยการกระตุกกระสวยให้พุ่งไปทำงานซ้าย แล้วกระทบฟืมเบาๆ ๒ ครั้ง ด้วยน้ำหนักมือที่เสมอกัน แล้วกระตุกกระสวยสลับไปมาพร้อมกับการเหยียบตะกรอและกระทบฟืม
๒. เมื่อได้งานทอประมาณ ๑๐ เซนติเมตร ให้ม้วนขยับด้ายยืนถึงด้ายยืนให้พอดีไม่ตึงหรือหย่อนเกินไปพร้อมกับขยับผัง (ไม้ค้ำผ้า) ตามไปด้วยทุกระยะ
๓. เมื่อได้งานทอพอแก่ความต้องการ ให้ทอเนื้องานผ้าออกไปอีกอย่างน้อย ๕๐ เซนติเมตร แล้วใช้กรรไกรตัดผ้าออกจากกี่ นำผ้าไปตัดออกเป็นชิ้นๆ ละ ๒ เมตร หรือขนาดตามต้องการ
๔. เมื่อตัดผ้าออกจากกี่แล้วม้วนผ้าที่เหลือไว้ด้วยกระสม ขึงให้ตึงพอประมาณเพื่อเตรียมงานทอต่อไป
๒.๒ การทอผ้าไทดำ
วัสดุที่ใช้ : ๑. ด้ายยืนสำหรับทอผ้า ๒. ไหมที่กรอเตรียมใส่กระสวยไว้
ขั้นตอนการทอผ้าไทดำ
๑. เริ่มกระตุกกระสวยจากขวาไปซ้าย ให้ตีนหมี่อยู่ทางซ้ายมือ
๒. กระตุกกระสวยให้วิ่งกลับ แล้วจัดลายให้ตรงเส้นทุกเส้น
๓. ทอไปจนหมดไหมที่เตรียมไว้ จะได้งานทอของผ้าไทดำตามต้องการ
๓. สีที่ใช้ย้อม
๓.๑ สีธรรมชาติ
๑. สีดำ ได้จากลูกมะเกลือมาแช่หมักไว้แล้วนำมาโขลกด้วยครกไม้ เอาไปต้มให้เดือดแล้วจึงเอาผ้าด้ายดิบลงย้อมลงในน้ำเอาผ้าด้ายดิบโรงย้อมในน้ำเกลือหลาย ๆ ครั้งจนได้สีดำตามที่ต้องการแล้วจึงเอาไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าเราเลือกเสื้อผ้าที่ย้อมด้วยมะเกลือว่าผ้าดำมะเกลือ
๒. สีขาวได้จากสีฟ้ายซึ่งมิได้ย้อมสี
๓. สีเหลืองส้มได้จากขมิ้น
๔. สีเขียวได้จากใบหูกวาง
๕. สีแดงได้จากฝาง
- สีดำ : มีความหมายว่า เข้มแข็งของชาวชาติพันธุ์ลาวโซ่ง (ไทยทรงดำ)
- สีเขียว : มีความหมายว่า ความอุดมสมบูรณ์ในความเป็นอยู่ของชาวไทยทรงดำ
- สีเหลืองส้ม : มีความหมายว่า ความสามัคคีของชาวไทยทรงดำ
- สีแดง : มีความหมายว่า เลือดเนื้อของชาวไทยทรงดำ
- สีขาว : มีความหมายว่า ความบริสุทธิ์
๓.๒ สีวิทยาศาสตร์
ลายผ้าทอไทดำ
๑.ผ้าลายแตงโมลายแตงโม มีแรงบันดาลใจจาก ได้เห็นผลแตงโมที่ลวดลายสวยจึงประดิษฐ์ลายบนผืนผ้าเป็นผ้าที่ได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษไทดำสู่ลูกหลานจนถึงรุ่นปัจจุบัน
๒.ผ้าลายพัฒนามีแรงบันดาลใจจากความต้องการให้คนรุ่นใหม่ได้ใช้ผ้าไทดำ ที่มีหลากสีสันมากยิ่งขึ้น จึงได้พัฒนาลายผ้านี้ขึ้นมาได้สีที่หลากหลายสีสวยงามยิ่งขึ้น
๓.ผ้าลายตีนผ้ามีแรงบันดาลใจจากความต้องการสร้างความสวยงามบนผืนผ้าเพื่อไว้ใช้ตกแต่งบนชุดไทดำให้มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น แต่ถ้าหญิงไทดำผู้ใดที่สามีเสียชีวิต เธอจะต้องเลาะตีนผ้าออกจากเครื่องนุ่งห่ม
๔.ผ้าลายกาบกล้วยมีแรงบันดาลใจจาก ต้องการพัฒนาต่อยอดผ้าทอไทดำบ้านวังหยวกให้มีความหลากหลาย อีกประการหนึ่งคือบ้านวังหยวกเป็นพื้นที่ที่มีต้นกล้วยขึ้นมากมายจึงสามารถสร้างอัตลักษณ์บนลายผืนผ้าให้เหมือนวัสดุท้องถิ่นคือกาบกล้วย ผ้าได้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เช่นนำไปตัดเป็นชุดใส่ทำงานหรือชุดลำรอง เป็นต้น