การแทงหยวก
ในสมัยโบราณการเผาศพจะเผากันที่เชิงตะกอน ผู้ที่พอมีฐานะนิยมประดับโลงศพและเชิงตะกอนให้แลดูสวยงาม ช่างแทงหยวกจึงเข้ามามีบทบาทในการแกะสลักหยวกกล้วยให้เกิดลวดลายวิจิตรบรรจง จากการสัมภาษณ์นายสวัสดิ์ ยางทอง หนึ่งในผู้ที่มีความสามารถในการแทงหยวก เกิดเมื่อวันที่ 6 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2486 เป็นบุตรของนายถัดและนางเป้า ยางทอง จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยม
ปีที่ 5 จากโรงเรียนเกษตรกรรมสงขลา สมรสกับนางน่วม ยางทอง มีบุตรธิดา 4 คน คือ นายเสวียน
ยางทอง นายบุญเทียน ยางทอง นายวิเชียร ยางทอง และนางศิริวรรณ บุญฤทธิ์ ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 191 หมู่ 10 ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา เบอร์โทรศัพท์ 081-097-6459
ศิลปะการแทงหยวกได้รับการถ่ายทอดกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่มาก ยางทอง รุ่นพ่อถัด ยางทอง ต่อมาจึงถ่ายทอดให้นายสวัสดิ์ ยางทอง ก่อนหน้านั้นนายสวัสดิ์ ยางทอง ยังไม่ได้ให้ความสนใจศิลปะการแทงหยวกมากนัก ต่อมาขณะอายุได้ 20 ปี บรรพชาเป็นพระภิกษุ ขณะบวชมีกิจนิมนต์ในงานบำเพ็ญกุศลศพและได้สังเกตลายกนกไทยต่างๆ บนหยวกกล้วยที่ประดับโลงและเชิงตะกอนอย่างชัดเจนหลายต่อหลายครั้ง เมื่อลาสิขาสู่เพศฆราวาสจึงให้ความสนใจกับลวดลายต่างๆ อย่างจริงจังมากขึ้น กระทั่งสามารถจดจำลวดลายและเรียกชื่อได้ถูกต้อง ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีโอกาสได้ลองแกะสลักลวดลายที่จดจำไว้
ทั้งนี้นายสวัสดิ์ ยางทองเป็นผู้ที่อยู่ในตระกูลศิลปินซึ่งบิดารับแทงหยวกกล้วยในงานศพขาดผู้ช่วยในการแกะสลักจึงขอให้ลูกชายคนโต คือ นายสวัสดิ์ ยางทอง มาช่วยงาน โดยบิดาเป็นผู้วาดลายจากแบบพิมพ์ที่แกะสลักไว้เองด้วยแผ่นสังกะสี นับเป็นครั้งแรกของการแทงหยวกและสามารถทำได้อย่างสวยงาม พร้อมๆ กับความเข้าใจในรูปแบบการเขียนลายบนหยวกกล้วย หลังจากนั้นไม่นานจึงสามารถแทงหยวกให้เป็นลวดลายต่างๆ ได้จากความทรงจำ
โอกาสในการใช้
1. งานศพ ในสมัยก่อนนิยมแทงหยวกประดับโลงศพและเชิงตะกอน ส่วนใหญ่ใช้ในวันเผา ช่างแทงหยวกจะใช้เวลาในการแกะสลักประมาณ 1 คืน กล่าวคือ เริ่มแกะสลักประมาณ 16.00 ถึงรุ่งเช้าของวันใหม่และนำไปประดับโลงศพและเชิงตะกอน เนื่องจากหยวกกล้วยจะเหี่ยวและเป็นสีดำหากหยวกกล้วยโดนแสงแดด
2. งานรดน้ำดำหัว โดยแกะลวดลายประดับโต๊ะพิธีรดน้ำดำหัวผู้อาวุโส
3. งานบวช แกะลวดลายประดับบริเวณที่ใช้ปลงผมนาค (เรียกสระหัวเจ้านาค)
อุปกรณ์การแทงหยวก
1. หยวกกล้วย
2. มีดแทงหยวก
3. ไม้เสียบ ไม้ขนาดเกือบเท่าดินสอไม้สำหรับยึดหยวกกล้วยแต่ละลายเข้าด้วยกัน
ลวดลายแทงหยวกยกตัวอย่างเช่น ลายเสา (ลายเถาว์) ลายน่องสิงห์ ลายฟันปลา ลายฟันสาม ลายก้ามปู ลายตุ๊ดตู่ ลายฟันสามกนกจีน เป็นต้น ลายที่แทงง่ายที่สุด คือ ลายฟันปลา แต่ต้องแทงให้เท่ากันจึงจะสามารถนำไปใช้งานได้ต่อเนื่องสวยงาม สำหรับลายที่ยากที่สุดและจะได้รับการถ่ายทอดหลังจากทำลายต่างๆ ได้แล้ว คือ ลายก้ามปู ในการจัดวางรูปแบบลวดลายต่างๆ นั้น ลายฟันปลาและลายฟันสามนิยมประกอบส่วนฐานชั้นล่างและฐานชั้นบนเชิงตะกอน ลายเสา (ลายเถา) นิยมนำไปประดับเสา และนำลายน่องสิงห์ไปประกอบกับลายก้ามปู หรือลายตุ๊ดตู่ ก่อนที่จะนำไปประดับโลงและเชิงตะกอน เป็นต้น สำหรับกล้วยที่นิยมนำมาแทงหยวก คือ กล้วยตานี เนื่องจากมีความกรอบแต่เหนียว ไม่หักง่าย ไม่เหี่ยวง่าย