" ลูดอันเร "แปล่ว่า"กระโดดสาก" "ลูดอันเร"เป็นชื่อเรี่ยกการละเล่นชนิดหนึ่งของชาวไทยเชื้อสายเขมรที่มีลักษณะคล้าย กับ การรำกระกระทบไม้ของไทย ลาวกระทบไม้ แสกเต้นสาก การละเล่นประเภทนี้มีปรากฏกันทั่วไปบนภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ไม่ว่าจะเป็น ไทย ลาว เขมร ฟิลิปปิน อินโดนีเซีย
"ลูดอันเร(กระโดด) "นิยม เล่นปีละครั้งเท่านั้นซึ่งนิยมเล่นกันในเดือนเมษายนซึ่งตรงกับเดือนแคเจตของ เขมรอันเป็นการเฉลิมฉลองเทศการทรงน้ำพระขึ้นปีใหม่(จ๊ะตึกเปรี๊ยะแคเจตฉลอง ชนัมทมัย)หรือตรุษสงกรานต์ปีใหม่ไทยนั่นเอง
การกระโดดสากถือเป็นพิธีกรรมการละเล่น ที่ต้องมีการเคารพบูชาสากก่อนการละ เล่นอย่างเคร่งครัดของชาวไทยเชื้อสายเขมร เพราะการกระโดดสากข้ามไปมาถือเป็นการอันไม่สมควรซึ่งก่อนการละเล่นทุกครั้ง ต้องมีพิธีการเซ่นบูชาครูขอขมาสาก ซึ่งสากคืออุปกรณ์ในการใช้ตำข้าวเลี้ยงชีวิตมาแต่สมัยโบราณก่อนการมีโรงสี ข้าวดังเหมือนในยุคปัจจุบัน การนี้จึงถือเป็นพิธีกรรมที่ขาดมิได้
" ลูดอันเร"หรือ"กระโดดสาก"นั้นเป็นชื่อเรี่ยกที่การละเล่นนี้ที่มีมาแต่ดั้งเดิมของชาวไทยเชื้อสายเขมรซึ่งมาภายหลังจะรู้จักกันทั่วไปในชื่อเรี่ยกว่า"เรือมอันเร"อันเป็นการประยุกต์และประดิษฐ์คิดค้นท่ารำให้เกิดความสวยงาม และมีการนำเอาการบรรเลงเครื่องดนตรีแบบอีสานใต้ที่เรี่ยกว่า"กันตรึม"เข้ามาประกอบด้วยเพื่อให้เกิดความสนุกสนาน ซึ่งมีการคิดค้นท่ารำขึ้นมาใหม่โดยกลุ่มนักอนุรักษ์ของจังหวัดสุรินทร์ซึ่ง ต้องการผนวกการละเล่นนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการเเสดงงานช้างจังหวัดสุรินทร์ ในทุกๆปี จึงเป็นที่มาของการเรี่ยกชื่อการละเล่นนี้ใหม่เป็นที่รู้จักในการเเสดง" เรือมอันเร"หรือ"รำสาก"โดยคงเค้าโครงแบบแผนดั้งเดิมไว้เเละเพิ่มดิมท่ารำและจังหวะให้ทันสมัยขึ้นอย่างน่าสนใจ
ท่ารำจะประกอบด้วยท่าตามแบบโบราณดังนี้
1.ท่ากั๊จปกา(ท่าเด็ดดอกไม้)เป็นท่าการไหว้ครู ใช้บทเพลงกันตรึมไหว้ครู เช่น กั๊จปกา(เด็ดดอกไม้) มโลบโดง(ร่มมะพร้าว) อมตู๊ก(พายเรือ) ปลึง(ขวัญ)
2.ท่าเดิรโจล (ท่าการเดินเข้าสาก)เป็นท่าเตรียม ใช้บทเพลงกันตรึมในเพลงแห่ เช่น รำเป็ย(รำเพย) อาไย ฯลฯ
3.ท่าโจลอันเเร(ท่าการเข้าสาก)จะประกอบไปด้วยการใช้จังหวะเว็ยอันเร(กระทบสาก)ใน 2 แบบ ดังนี้
- จังหวะจืงมูย(ขาเดียว) โจลอันเรในท่า จืงมูย(ขาเดียว) เป็นการกระโดดเท้าเข้าสากข้างเดียวเเล้วก็ข้ามไป เป็นจังหวะช้า
- จังหวะจืงปีร(สองขา) โจลอันเรในท่า จืงปีร(สองขา)เป็นการกระโดดยกเท้าขึ้นลงสองขาขณะมีการกระทบสากหลายๆครั้ง เป็นจังหวะเร็ว
4.ท่าเดิรเจ็น (ท่าเดินออก)เสมือนท่าเตรียม ซึ่งต้องเข้าอันเรอีกรอบ จังหวะเพลงจะใช้เช่นเดีวกับท่าเดิรโจล(เดินเข้า)
5.ท่าเลีย(ท่าลา)เป็น ท่ารำที่เเสดงการสิ้นสุดการละเล่นนี้ บทเพลงที่ใช้ประกอบ เช่น ซาร์ปดาน(รื้อปะรำ) อมตู๊ก(พายเรือ) มโลบโดง(ร่มมะพร้าว )
ส่วนจังหวะเพลงที่ใช้บรรเลงประกอบในท่า โจลอันเร(เข้าสาก) จะเป็นเพลงเบ็ตเล็ดต่างๆ
* จังหวะจืงมูยชึ่งเป็นจังหวะช้าพอดีกลางๆ ใช้เพลง อาไย แกวนอ เบริญ อันซองเเสนงนบ ฯลฯ
*จังหวะจืงปีรชึ่งเป็นจังหวะเร็วสนุกสนาน ใช้เพลง กันจันเจก (เขียดตะปาด) และเพลงเบ็ตเล็ดสนุกสนานต่างๆ
" การลูดอันเร" ในปัจจุบันรู้จักกันอย่างเเพร่หลาย ในชื่อ" เรือมอันเร"ซึ่ง มีพัฒนาการการละเล่นที่สนุสนานอ่อนช้อยสวยงามน่าชมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการแสดงและการละเล่นที่นับว่าหาชมได้ยากเข้าไปทุกทีแม้จะมีการผนวก เข้ากับงานช้างของทางจังหวัดสุรินทร์ถึงอย่างไรก็มีการเเสดงปีละครั้งเดียว และนอกจากนั้นโอกาสที่จะได้ชมก็จะจัดขึ้นเฉพาะในโอกาสงานแสดงหรือพิธีกรรม สำคัญๆต่างๆในอีสานใต้เท่านั้น