ความเป็นมา (ภูมิหลัง/ความเชื่อ)
ระบำศรีพฤทเธศวร เป็นระบำที่คิดประดิษฐ์สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อใช้ประกอบการแสดงแสง เสียง มิ นิ ไลท์ แอนด์ ซาวด์ ศิวะราตรีแห่งศรีพฤทเธศวร ปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ คำว่า”ศรีพฤทเธศวร” เป็นชื่อเดิมของปราสาทสะกำแพงใหญ่แสดงครั้งแรกปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ในรอบเปิดการแสดง มิ นิ ไลท์แอนด์ ซาวด์ ศิวะราตรีแห่งศรีพฤทเธศวร โดยประดิษฐ์ท่ารำจากจินตนาการศิลปกรรมภาพจำหลัก หน้าบัน ทับหลังจากโบราณสถานปราสาทสระกำแพงใหญ่ ปราสาทเขาพระวิหาร ปราสาทหินพิมายและระบำโบราณคดีเลียนแบบการแต่งกายของนางอัปสราหรือนางอัปสรในสมัยขอมมาเป็นหมู่ระบำนางอัปสรานางรำผู้มีเรือนร่างอ่อนช้อยท่วงทีสวยงาม รับกับเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับแสนสวย นางอัปสราหรือนางอัปสร ถือเป็นชาวสวรรค์จำพวกหนึ่ง มีเพศเป็นหญิง อาจเรียกว่า "นางฟ้า”ก็ได้ แต่หาใช่เทวดาไม่ นางมีฐานะเป็นอมนุษย์บังเกิดขึ้นเมื่อครั้งกวนเกษียรสมุทร เพื่อนำเอาน้ำอมฤตขึ้นมาดังปรากฏในมหากาพย์มหาภารตะของอินเดีย คำว่า "อัปสร”ประกอบขึ้นจากคำว่า”อัป” ที่หมายถึงน้ำและ”สร”ที่หมายถึงการเคลื่อนไป อัปสรจึงหมายถึงผู้ที่เคลื่อนไปในน้ำ อันเป็นกำเนิดของนางอัปสรา ทว่าทั่วไปถือว่านางเป็นชาวสวรรค์ นางอัปสรมีอำนาจแปลงกายได้ ทั้งยังมีความสามารถในการขับร้องและเต้นรำเป็นอย่างยิ่ง ในราชสำนักของพระอินทร์มีนางอัปสรอยู่ ๒๖ ตน แต่ละตนมีความสามารถเชิงศิลปะต่างๆกัน และนี่นับเป็นที่มาของการแสดงการรำอันอ่อนช้อยงดงามของนางอัปสรา(SisaketMagazine,2009:1) โดยผนวกความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ ค่านิยม ของคนในท้องถิ่น
อัตลักษณ์ (ที่โดดเด่น)
อัตลักษณ์ที่โดดเด่นของระบำศรีพฤทเธศวรคือเครื่องแต่งกายที่โดดเด่นถอดแบบจากภาพจำหลักมีดนตรีประกอบการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษมีท่ารำที่แสดงถึงการรำถวายตัวของนางอัปสราที่หลังจากเล่นน้ำแล้วนำเครื่องหอมมาเซ่นบวงสรวงบูชาเทพเจ้า แสดงถึงความเชื่อความศรัทธาในศักดานุภาพแห่งเทวาลัยอันศักดิ์สิทธิ์และเครื่องบูชาอันเป็นที่สิงสถิต ของเทพเจ้า ในเทวาลัยให้อำนวยความสุขสวัสดิ์ ให้แก่ชาวเมือง ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ แห่งวิศุวสงกรานต์(วันที่พระอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะในเวลาเที่ยง มีเวลาเที่ยงวันและเที่ยงคืนเท่ากัน) ท่ารำระบำศรีพฤทเธศวร มีชื่อท่ารำจำนวน ๑๐ ท่าดังนี้ ท่าที่ ๑ ท่าบวงสรวงหมายถึงการบูชาเทวดาด้วยเครื่องสังเวยดอกไม้ ธูป เทียน เครื่องหอม ท่าที่ ๒ ท่าไหว้บูชาเทพเจ้าหมายถึงแสดงความเคารพยกย่องเทิดทูนเทวดาผู้เป็นใหญ่ ท่าที่ ๓ ท่าถวายเครื่องหอมหมายถึงนำเครื่องหอมมามอบให้ ท่าที่ ๔ ท่าชมโฉมหมายถึงแสดงความสวยงามของรูปร่างให้เกิดความชื่นใจ ท่าที่ ๕ ท่าอวดโฉมหมายถึงแสดงความสวยงามของการร่ายรำให้ปรากฏ ท่าที่ ๖ ท่าเล่นน้ำหมายถึงประทินผิวร่างกายให้สะอาดหมดจด ท่าที่ ๗ ท่าถวายตัวหมายถึงรำถวายตัวมอบให้ ท่าที่ ๘ ท่าสักการะหมายถึงบูชาด้วยสิ่งเครื่องอันพึงบูชาเรียบร้อยแล้ว ท่าที่ ๙ ท่าอำลาหมายถึงลาจากไป ท่าที่ ๑๐ ท่าจบหมายถึงสิ้นสุดการทำความเคารพ
ความสำคัญและคุณค่าทางสังคมและทางจิตใจที่มีในวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชน นั้นๆ
ความสำคัญ ระบำศรีพฤทเธศวรเป็นการแสดงที่บ่งบอกถึงความเชื่อของนางอัปสรา หรือ นางฟ้า ที่อยู่ในภาพสลักบริเวณปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย โดยเลียนแบบเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้า และท่ารำ จากภาพสลักปราสาทสระกำแพงใหญ่ โอกาสที่ใช้แสดง ใช้แสดงประกอบการแสดง แสง สี เสียง ศิวะราตรีแห่งศรีพฤทเธศวร อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษและงานต่างๆในทุกโอกาส