ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 12° 29' 2.3784"
12.4839940
ลองจิจูด (แวง) : E 102° 10' 4.715"
102.1679764
เลขที่ : 193875
หงส์ฟาง
เสนอโดย จันทบุรี วันที่ 24 มิถุนายน 2564
อนุมัติโดย จันทบุรี วันที่ 24 มิถุนายน 2564
จังหวัด : จันทบุรี
0 829
รายละเอียด

หงส์ฟาง เพลงพื้นบ้านกับภารกิจการสืบสานวัฒนธรรมของลูกหลานบ้านตะปอน

เพลงพื้นบ้านในถิ่นภาคกลางส่วนใหญ่มักเป็นเพลงร้องโต้ตอบหรือเรียกว่าเพลงปฏิพากย์*

หนุ่มสาวจะนำมาร้องเกี้ยวพาราสีกัน มักร้องกันเป็นกลุ่มหรือเป็นวง

ประกอบด้วย ผู้ร้องเพลงนำฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่เรียกว่า 'พ่อเพลง แม่เพลง'

ส่วนคนอื่นๆ เป็นลูกคู่ร้องรับ ให้จังหวะด้วยการปรบมือ

หรือใช้เครื่องดนตรีประกอบจังหวะ จำพวก กลอง ฉิ่ง กรับ

เพลงร้องโต้ตอบนี้ ชาวบ้านภาคกลางนำมาร้องเล่นในโอกาสต่างๆ ตามเทศกาล

หรือในเวลาที่มารวมกลุ่มกัน เพื่อทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือบางเพลงก็ใช้ร้องเล่นไม่จำกัดเทศกาล

ส่วนมากมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน แสดงถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างถิ่น

ซึ่งไม่ทราบผู้แต่งและที่มาชัดเจน จึงถือเป็นมรดกตกทอดของชาวบ้านที่สืบต่อกันมานานจากการฟังและจดจำ

---------------------------------------

*เพลงปฏิพากย์ หมายถึง เพลงที่ร้องโต้ตอบกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง โดยใช้ปฏิภานไหวพริบหรือที่เรียกว่า 'ร้องแก้'

---------------------------------------

'หงส์ฟาง'** เพลงพื้นบ้านพื้นถิ่นตะวันออกที่สูญหายไปเกือบ ๕๐ ปีแล้ว

ชาวระยอง จันทบุรี และจังหวัดตราดเคยนำมาร้องในลานนวดข้าว

กลางลานนวดมีเสาเกียดปักอยู่ตรงกลางเพื่อใช้เป็นหลักมัดพรวนควายเป็นคู่เรียงกันเป็นแถว

เมื่อชาวนาใช้วัว - ควายย่ำข้าวหลุดออกจากรวงหมดแล้วจะเหลือเศษฟาง

ชาวบ้าน หนุ่มสาวก็จะช่วยกันแยกฟางออกไปกองไว้บริเวณขอบลานนวด

การแยกฟางออกนี้เรียกกันว่า 'การพานฟาง'

เศษฟางจะนำมาวางซ้อนๆ กันขึ้นไปจนเป็นกองสูง เรียกว่า 'ลอมฟาง'

โอกาสนี้ก็จะมีการร้องเพลง 'หงส์ฟาง' [มีบางสำเนียงเรียก 'โหงฟาง']

เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน คลายความเหน็ดเหนื่อย

อีกทั้งยังแสดงถึงความสามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของหมู่คนชนบทที่ 'ใช้แรง' หรือ 'ลงแขก'

เป็นการแลกเปลี่ยนแรงงานหมุนเวียนกันไปทั่วทั้งหมู่บ้าน

---------------------------------------

** แถบสุพรรณบุรี กาญจนบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี เรียก เพลงสงฟาง ชาวราชบุรี เรียก เพลงพานฟาง

---------------------------------------

เพลงหงส์ฟาง จะมีเนื้อร้องง่ายๆ คล้ายกลอนมีสัมผัสนอก - ใน

แบ่งถ้อยคำเนื้อร้องเป็นวรรคตอนให้ลงกับจังหวะ

โดยใช้ปฏิภาณ ไหวพริบของผู้ร้องทั้งสองฝ่ายในการเลือกใช้คำมาร้องโต้ตอบกัน

อาจมีคำสองแง่สองง่ามเป็นเชิงสัญลักษณ์เพิ่มความสนุกสนานก็ได้

แต่บังคับว่าจะต้องขึ้นต้นและลงท้ายด้วยคำว่า 'หงส์' ดังเช่นเนื้อร้องว่า

'หงส์อ่อน ร่อนลง เข้าดงมะไฟ ช่วยกันขย้ำ ช่วยกันขยี้ พอแต่แล้วตกนี้ พี่จะลาครรไล'

..........

[ขย้ำ, ขยี้ คือ การที่เอาเท้านวดข้าว ส่วนคำว่า 'ตกนี้' คือข้าวเปลือกกองนี้]

เวลาร้องจริงๆ จะมีการเอื้อนและเติมสร้อย ดังนี้

'หงส์อ่อน เจ้าเอย ร่อนลง/ ร่อนเข้าในดง เอ่อ เอ๊ย มะไฟ'

ลูกคู่รับซ้ำ

'หงส์อ่อน เจ้าเอย ร่อนลง/ ร่อนเข้าในดง เพื่อนเอ๋ย มะไฟ

ชะเออ เอิ๊ง เอ๊ย... ช่วยกันขย้ำ/ ช่วยกันขยี้ พอแต่แล้วตกนี้/ พี่จะลาครรไล

ชะว่าหงส์เจ้าเอย

ช้า/ฉ่าชา/เอ๊ชา/เจ้าหงส์เอย'

ที่มา : ผาสุก หั้นเจริญ [๒๕๔๐]

---------------------------------------

ที่บ้านตะปอน อำเภอขลุง เพลงหงส์ฟาง ได้ถูกปลุกให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง

แม้ปัจจุบันจะไม่มีกิจกรรม 'ใช้แรง' 'ลอมฟาง' และ 'ลานนวดข้าว' ให้เห็นแล้วก็ตาม

กาญจน์ กรณีย์ หรือลุงสาคร วัย ๖๘ ปี ถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการฝึกเด็กๆ ลูกหลานชาวตะปอน

ให้เป็นผู้สืบทอดวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หายไปมากกว่าอายุของพวกเด็กเหล่านี้หลายรอบปี

เพลงพื้นบ้านเฟื่องฟูในยุคสมัยที่ยังไม่มีสื่อโทรทัศน์ประจำบ้าน

การฟื้นฟูนำกลับมาในยุคสมัยนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายและจะทำได้สำเร็จหรือ?

"เพลงหงส์ฟางมันหายไปจากถิ่นตะปอนมากกว่า ๕๐ ปี ผมเพิ่งเริ่มฟื้นฟูได้ประมาณ ๑๐ ปีแล้ว เมื่อได้มาเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอขลุง"

ลุงกาญจน์ อดีตไวยาจักรวัดตะปอนใหญ่ มีอาชีพเป็นเกษตรกรเลือดชาวเมืองขลุงมาแต่กำเนิดบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของเพลงหงส์ฟาง

"แม้ทุกวันนี้จะไม่มีกิจกรรมเกี่ยวข้าว นวดข้าวแล้ว ผมก็ได้ฝึกเด็กๆ หลายโรงเรียนให้รู้จักว่าเพลงในสมัยก่อนรุ่นปู่ย่าตายายเป็นอย่างไร แล้วนำไปแสดงในงานต่างๆ"

การนำของเก่ากลับมาเผยแพร่ในยุค 'ดิจิตอล' ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเด็กๆ ส่วนใหญ่เรียนรู้เสพติดกับดักของ 'สื่ออิเล็กทรอนิกส์'

ลุงกาญจน์ กลับคิดสวนกระแส เดินสายไปขอฝึกสอนให้เด็กนักเรียนของโรงเรียนหนองเสม็ด โรงเรียนตะปอนน้อย โรงเรียนตะปอนใหญ่ โรงเรียนเทศบาลขลุง [บุรวิทยาคาร] รู้จักเพลงหงส์ฟาง

"ไม่ใช่เฉพาะเด็กนะที่ไม่ค่อยรับ แม้กระทั่งผู้ใหญ่ที่เคยร้องเพลงหงส์ฟางมาก่อนยังส่ายหน้าว่าในสมัยนี้ไม่มีใครเขาสนใจกันแล้ว"

แต่ลุงกาญจน์ก็ไม่ได้ย่อท้อ ใช้ความมุงมั่นนำทางแหวกพงหนามอุปสรรคด้วยความเพียรพยายามจนได้รับรางวัลแห่งความปลาบปลื้มใจ

"โรงเรียนเทศบาลขลุง [บุรวิทยาคาร] นำทำนองเพลงหงส์ฟางใส่เนื้อร้องเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปประกวดโครงการแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๓ ปี ๒๕๕๑ จากจำนวนผู้เข้าประกวด ๑๔๐ ชุดการแสดง ได้รับรางวัลชนะเลิศถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพฯ และเป็นตัวแทนไปเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมไทยที่ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นความภาคภูมิใจที่สามารถปลุกเพลงพื้นบ้านของเราให้เป็นที่รู้จักของคนในยุคนี้ได้”

และวันนี้ภารกิจของลุงกาญจน์ คือร่วมกับคุณครูธิดา ปรางรัตน์ ฝึกสอนเด็กๆ โรงเรียนวัดตะปอนใหญ่ [เศวตวิทยาคาร] เป็นผู้สืบสานเพลงพื้นบ้าน วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคตะวันออก

"เด็กๆ เหล่านี้ เพิ่งจะเริ่มฝึกกันได้ไม่ถึงอาทิตย์ดี ใช้ช่วงเวลาเลิกเรียนค่ะ พวกเขามีความตั้งใจดีมาก เวลาและความมุ่งมั่นของเด็กๆ คงจะทำให้พวกเขามีพัฒนาการทางด้านการแสดง การร้องได้ดีขึ้น"

ธิดา คุณครูประจำชั้นประถมปีที่ ๖ กล่าวอย่างมีความหวัง

ท่ามกลางกระแสไหลบ่าของวัฒนธรรมดิจิตอลและสื่ออิเล็กทรอนิกส์หลายรูปแบบ

เด็กไทยมากมายต่างพลัดหลงไปตามกระแส 'ของเล่นใหม่' เหล่านั้นแทบกู่ไม่กลับ

แต่น่ายินดีและชื่นชมที่เด็กๆ กลุ่มหนึ่งของโรงเรียนวัดตะปอนใหญ่ [เศวตวิทยาคาร]

ใช้เวลาที่ควรจะวิ่งเล่นหรืออยู่กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์มามุ่งมั่นฝึกซ้อมเพลงหงส์ฟาง

สืบสานเพลงสมัยรุ่นปู่ย่าตายายเคยใช้ร้องเพิ่มความสนุกสนานบนลานนวดข้าว

แม้จะเป็นภารกิจที่หนักหนาเกินเรี่ยวแรงกำลังของเด็กๆ แต่โชคดีที่ยังมีผู้ใหญ่ให้การหนุนช่วย

ถือเป็นการ 'ลงแขก' ร่วมแรงใจของคนต่างวัยในยุคดิจิตอลที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง

"ผมไม่ท้อ แม้จะมีเสียงตอบรับน้อย ทำไปจนกว่าจะหมดแรงครับ"

ลุงกาญจน์ กรณีย์ กล่าวยืนยันอย่างหนักแน่น

แม้ดวงตาจะฝ้าฟางแต่ฉายแววแห่งความมุ่งมั่นของชายสูงวัยแห่งบ้านตะปอน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี

---------------------------------------

• นักร้องและนักแสดง โรงเรียนวัดตะปอนใหญ่ [เศวตวิทยาคาร]

๑. ด.ญ.ทิพย์ลดา พาทีทิน ชั้นประถมปีที่ ๖ อายุ ๑๑ ขวบ [นักร้องนำหญิง]

๒. ด.ญ.ภูวดี ศรีสะอาด ชั้นประถมปีที่ ๖ อายุ ๑๑ ขวบ [ลูกคู่]

๓. ด.ช.วัชพล ศิริการ ชั้นประถมปีที่ ๖ อายุ ๑๑ ขวบ [นักแสดงชายและนักร้องนำชาย]

๔. ด.ช.ศุภวิชญ์ ดอกไม้ ชั้นประถมปีที่ ๖ อายุ ๑๑ ขวบ [นักแสดงชายและลูกคู่]

๕. ด.ญ.ทวิยา แก้วยอดยาง ชั้นประถมปีที่ ๔ อายุ ๙ ขวบ [นักแสดงหญิงและลูกคู่]

๖. ด.ญ.บุญญาพร รื่นรวย ชั้นประถมปีที่ ๖ อายุ ๑๑ ขวบ [นักแสดงหญิงและลูกคู่]

---------------------------------------

>>ข้อมูลบุคคล<<

กาญจน์ กรณีย์ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอขลุง

ธิดา ปรางรัตน์ คุณครูประจำชั้นประถมปีที่ ๖ โรงเรียนวัดตะปอนใหญ่ [เศวตวิทยาคาร]

ด.ญ.ทิพย์ลดา พาทีทิน

ด.ญ.ภูวดี ศรีสะอาด

ด.ช.วัชพล ศิริการ

ด.ช.ศุภวิชญ์ ดอกไม้

ด.ญ.ทวิยา แก้วยอดยาง

ด.ญ.บุญญาพร รื่นรวย

>>ข้อมูลอ้างอิง<<

สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ ๓๔

ผาสุก หั้นเจริญ. เพลงพื้นบ้านจังหวัดจันทบุรี. จันทบุรี : โรงเรียนศรียานุสรณ์, ๒๕๔๐.

รับชมภาพการแสดงได้ที่ https://www.facebook.com/100006965987363/videos/pcb.1967094306866083/1967087063533474

สถานที่ตั้ง
ตำบลตะปอน
ตำบล ตะปอน อำเภอ ขลุง จังหวัด จันทบุรี
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
facebook ปราณ ปรีชญา (คนอาสาบันทึกจารึกแผ่นดิน)
บุคคลอ้างอิง ปราณ ปรีชญา (นามแฝง)
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรี อีเมล์ chantaboon_culture@hotmail.com
ถนน เลียบเนิน
ตำบล วัดใหม่ อำเภอ เมืองจันทบุรี จังหวัด จันทบุรี รหัสไปรษณีย์ 22000
โทรศัพท์ 039303298 โทรสาร 039303299
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่