ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 20° 16' 9.2856"
20.269246
ลองจิจูด (แวง) : E 100° 4' 36.7968"
100.076888
เลขที่ : 194072
ประติมากรรมช้างงู
เสนอโดย เชียงราย วันที่ 2 กันยายน 2564
อนุมัติโดย เชียงราย วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564
จังหวัด : เชียงราย
0 865
รายละเอียด

ประติมากรรมช้างงู ลำตัวเป็นงู หัวเป็นช้าง ๓ เศียร ที่กลางวงเวียนสี่แยกบายพาสก่อนจะเข้าอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ทุกวันในเวลา ๑๘.๐๐, ๑๙.๐๐, ๒๐.๐๐, ๒๑.๐๐ จะมีน้ำพุและไฟสีสาดส่องสวยงามนาน ๑๔ นาที ซึ่งประติมากรรมช้างงูทำจากเรซิ่นไฟเบอร์ โดยชาวเชียงแสนมุ่งหวังให้วงเวียนที่ประดิษฐานประติมากรรมช้างงู เป็นแลนด์มาร์คของเมืองเชียงแสน ประติมากรรมช้างงูเป็นงานศิลปะที่แฝงด้วยกลิ่นอายของเมืองโบราณ เพราะเมืองเชียงแสนเป็นเมืองเก่า มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นเมืองการค้าการท่องเที่ยว ทุกวันมีประชาชน นักท่องเที่ยว ต่างทยอยมาชมและพักผ่อนในเมืองเชียงแสน

สำหรับ “ช้างงู” มีส่วนหัวเป็นช้างลำตัวเป็นงูนั้น ปรากฏในตำนานหลายแห่ง เล่าว่า พ.ศ. ๑๔๖๐ ในรัชสมัยของพระเจ้าพังคราช ผู้ครองเมืองเชียงแสนหรือโยนกนาคนครได้ถูกพวกขอมดำขับไล่จาก
เชียงแสนไปอยู่เวียงสี่ทวง (ตำบลเวียง อำเภอแม่สาย) ต้องส่งส่วยให้พระยาขอมเป็นทองคำปีละ ๔ ทวงหมากพินน้อย และมีพระโอรสชื่อ พรหมกุมาร เมื่อเจริญพระชันษาได้ ๑๓ ปี ทรงสุบินถึงเทวดาว่าหากไปล้างหน้าที่แม่น้ำโขง จะได้พบช้างวิเศษ ๓ ตัว หากจับได้ตัวที่ ๑ จะปราบได้สี่ทวีป หากจับได้ตัวที่ ๒ จะปราบได้ชมพูทวีป หากจับได้ตัวที่ ๓ จะปราบแว่นแคว้นล้านนาและขอมดำได้ พอรุ่งเช้า พรหมกุมารได้เสด็จไปยังท่าแม่น้ำโขง ทอดพระเนตรเห็นงูใหญ่ลอยตามน้ำมา ตัวแรกตัวเท่ายุ้งข้าว ตัวที่ ๒ ตัวเท่าต้นตาล น่าสะพรึงกลัว จึงรั้งรอจนถึงตัวที่ ๓ พรหมกุมารคิดว่าเทวดาบอกว่าช้างแต่พบงูแทน ซึ่งเทวดาคงจะหมายถึงงูนั้น พระองค์พร้อมด้วยบริวารจึงช่วยกันจับงูนั้นทันที งูนั้นก็กลายเป็นช้างเผือกแต่กลับไม่ยอมขึ้นฝั่ง จนต้องเอาพานทองคำตีล่อ (หรือ ปาน คือเครื่องดนตรีล้านนาชนิดหนึ่ง)จึงยอมขึ้นจากน้ำ จึงขนานนามว่า“ช้างพานคำ” และทำการขุดคูเมืองรวมถึงปรับปรุงกำแพงและประตูเมือง แล้วเปลี่ยนชื่อเวียงสี่ทวงเป็น เวียงพานคำ และทำการซ่องสุมผู้คน พร้อมทั้งทูลบิดาว่าให้เลิกการส่งส่วยแก่ขอม เมื่อพระยาขอมทราบจึงยกทัพมาสู้กันที่ทุ่งสันทราย พรหมกุมารขี่ช้างพานคำต่อสู้ ในที่สุดก็ได้รับชัยชนะ ไล่ตามตีกองทัพพระยาขอมจนแตก ชิงเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่นกลับคืนมาได้ และถวายเมืองคืนพระองค์พังคราช
เมื่อเสร็จศึกแล้ว พรหมกุมารได้เดินทางกลับเวียงพานคำ เมื่อลงจากหลังช้างพานคำ ช้างพานคำได้หนีออกจากเมืองและกลับร่างเป็นงูเช่นเดิม แล้วเลื้อยหายเขาไปในดอยแห่งหนึ่ง ภายหลังเรียกชื่อดอยนั้นว่า ดอยช้างงู ต่อมาชาวอาข่าเรียกเพี้ยนเป็น “ดอยสะโง้” (ปัจจุบันอยู่ที่ ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย)

สถานที่ตั้ง
วงเวียนนครเชียงแสน สี่แยกบายพาสก่อนเข้าสู่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
ถนน บายพาสเลี่ยงเมืองเชียงแสน
อำเภอ เชียงแสน จังหวัด เชียงราย
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
สภาวัฒนธรรมตำบลเวียง
บุคคลอ้างอิง นางทิพยวรรณ โตแตง
ถนน บายพาสเลี่ยงเมืองเชียงแสน
ตำบล เวียง อำเภอ เชียงแสน จังหวัด เชียงราย รหัสไปรษณีย์ 57150
โทรศัพท์ 08 9997 3527
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่