1. ชื่อ ถ้ำคูหาสวรรค์
2. ประวัติ
ถ้ำคูหาสวรรค์ตั้งอยู่เชิงเขา ภายในวัดคูหาสวรรค์ ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดคูหาสูง หรือวัดสูง เนื่องจากบริเวณตั้งวัดอยู่บนเชิงเขาเป็นที่สูง ปากถ้ำหันทางทิศเหนือ เดิมชาวบ้านเรียกว่า
ถ้ำน้ำเงิน หรือ ถ้ำพระ ส่วนชื่อคูหาสวรรค์ เชื่อว่าน่าจะมีการเรียกมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยพระเอกาทศรถ ถ้ำมีขนาดกว้าง 18 เมตร ยาว 28 เมตร สูงเป็นเวิ้งรูปกรวย ตอนบนมีหินงอกคล้ายรูปช้าง ชาวบ้านเรียกว่า ช้างผุดหรือหินสับแล พื้นถ้ำปูด้วยอิฐถือปูนมีเจดีย์เล็ก ๆ หนึ่งองค์ มีพระพุทธรูปปูนปั้นและปั้นด้วยดินเหนียวเรียงแถวเป็นระเบียบทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้และทิศตะวันตก รวม ๓๗ องค์ มีขนาดต่างๆ กัน หน้าตักกว้างตั้งแต่ 0.50 - 1.50 เมตรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย 1 องค์ ขนาดหน้าตักกว้าง 3.36 เมตร สูงตลอดรัศมี 6 เมตร ด้านซ้ายของผนังถ้ำมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางไสยาสน์ 1 องค์ ขนาดยาว 12 เมตร สูง 2 เมตร พระพุทธรูปเหล่านี้ตามประวัติว่า พระมุนี (สมเด็จพะโคะหรือหลวงพ่อทวด วัดช้างให้)ได้ร่วมกันสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา จำนวน 20 องค์
ต่อมาสมัยรัตนโกสินทร์ ได้รับการบูรณะและต่อเติมพระพุทธรูปขึ้นอีก 17 องค์ ด้านทิศตะวันออกของเศียรพระไสยาสน์ มีกรุพระพิมพ์ที่ชาวบ้านได้ขุดพบพระแบบต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก มีทั้งพระจำหลักไม้ พระพุทธรูปปูนปั้นพระสำริดและพระพิมพ์ดินดิบสมัยศรีวิชัย ชาวบ้านเรียกว่า พระผีทำ ปากถ้ำ มีหินเป็นชั้นกั้นติดกับหินปากถ้ำ สูงประมาณ ๒ เมตร ชาวบ้านเรียกว่า หัวทรพี ตรงกันข้ามกับหัวทรพี มีรูปฤาษีตาไฟปูนปั้น 1 องค์ มีตำนานว่า นางเลือดขาวกับเจ้ากุมารสร้างขึ้นแทนอนุสาวรีย์ตาสามโมกับยายเพชรและได้บรรจุอัฐิของ ตายายทั้ง 2 ไว้ภายใน ชาวบ้านถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก มีการบนปิดทองกันเต็มทั้งสององค์จนไม่สามารถเห็นลักษณะแท้จริงได้ เคยได้รับการบูรณะมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อ พ.ศ.2468 เหนือรูปฤาษีตาไฟขึ้นไปตามเพิงผาหน้าถ้ำมีจารึกพระนามย่อพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเชื้อพระวงศ์ที่เคยเสด็จประพาส ส่วนวัดคูหาสวรรค์ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำนั้น ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างเมื่อใด แต่ตามตำนานนางเลือดขาวระบุว่า เมื่อตาสามโมกับยายเพชรถึงแก่กรรมแล้ว กุมารกับนางเลือดขาวให้นำอัฐิของท่านทั้ง 2 ไปเก็บไว้ในถ้ำคูหาสวรรค์
3. สิ่งสำคัญ
1. พระพุทธรูปปูนปั้นและปั้นด้วยดินเหนียวเรียงแถวเป็นระเบียบทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้และทิศตะวันตก รวม 37 องค์ มีขนาดต่าง ๆ กัน หน้าตักกว้างตั้งแต่ 0.50-1.50 เมตร
2. พระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย 1 องค์ ขนาดหน้าตักกว้าง 3.36 เมตร สูงตลอดรัศมี 6 เมตร
3. พระพุทธรูปปูนปั้นปางไสยาสน์ 1 องค์ ขนาดยาว 12 เมตร สูง 2 เมตร หันพระเศียรไปทางทิศตะวันออก ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ
4. พระพิมพ์ดินดิบ
5. จารึกพระนามย่อพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเชื้อพระวงศ์ที่เคยเสด็จ ประพาสเรียงตามลำดับดังนี้
จปร.ด08 (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
ปปร.25/10/2471 (พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว)
บส.30/10/73 (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์
กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ)
ภปร.ด๗/๓/๒๕๐๒ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช)
6. รอยพระพุทธบาทจำลองสำริด ตั้งอยู่บนไหล่เขาค้านบนของถ้ำพระ สูงขึ้นไปประมาณ 30 เมตร สร้างโดยนายฮวดและนายขิ้ม แซ่สอ เมื่อปี พ.ศ. 2571
7. ถ้ำนางคลอด ตั้งอยู่ใกล้ประตูวัด ปากถ้ำสร้างเป็นอาคารไม้ หลังคาฉาบปูนแบ่งเป็นห้องต่างระดับกันหลายห้อง ภายในห้องต่างๆ มีประเดิม มีประติมากรรมปูนปั้นภายในห้อง อาทิ กลุ่มประติมากรรมรูปภิกษุ 4 องค์ซักผ้าบังสุกุลจากโลงศพ กลุ่มประติมากรรมพุทธประวัติดอนเสด็จประทับ ณ ป่าเลไลยก์ กลุ่มประติมากรรมรูปพระยายมราชพิจารณาความดีความชั่ว ประติมากรรมรูปพระสังกัจจายน์ ประติมากรรมรูปเหมือนพ่อท่านคล้าย คูหาสุโย เป็นต้น
4. การกำหนดอายุสมัย
แรมเริ่มประวัติศาสตร์,อยุธยา,รัตนโกสินทร์
5. การประกาศขึ้นทะเบียน
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 หน้า 3694
วันที่ 8 มีนาคม 2478
6. ประวัติการอนุรักษ์
พ.ศ. 2478 กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน