นางอยู่ แซ่ตั้ง อายุ ๙๑ ปี ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ เป็นชาวอำเภอวิหารแดงโดยกำเนิด ได้สอนให้ ลูกสาว คือ นางพชมณ วรชาญฤทธิ์ อายุ ๗๐ ปี ทำเต้าหู้มาตั้งแต่ ๖๐ กว่าปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้ นางอยู่ ได้ทำอาชีพเป็นเจ้าของรถเมล์ สายวิหารแดง-สระบุรี และทำเต้าหู้ไปด้วย หลังจากเกิดปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการเดินรถ และผนวกกับสามีมาเสียชีวิต ตอนที่นางอยู่ อายุได้ประมาณ ๓๐ ปี จึงเลิกเดินรถ หันมาทำเต้าหู้สูตรโบราณ อย่างจริงจัง โดยได้สอนให้กับลูกสาวคือนางพชมณ และได้ยึดอาชีพการทำเต้าหู้สูตรโบราณนี้มาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบัน นางสาวปทิตตา วรชาญฤทธิ์ อายุ ๔๑ ปี เป็นลูกสะใภ้ของนางพชมณ ก็ได้ต่อยอดการทำเต้าหู้สูตรโบราณนี้ และเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว ซึ่งนางสาวปทิตตา มีแนวคิดว่า การทำงานก็ต้องมีความพยายาม ซึ่งตนเองก็รักและชอบในการทำเต้าหู้ ทำแล้วมีความสุข และเต้าหู้ก็เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ มีคุณค่าและโภชนาการทางอาหารสูง มีประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากมีโปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์ถึงสองเท่า เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่มีคลอเรสเตอรอล ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวกับความทรงจำ ป้องกันมะเร็ง เป็นต้น จึงยึดเป็นอาชีพมาจนถึงปัจจุบัน ถือได้ว่าการทำเต้าหู้ต้องใช้ความพยายามและความอดทนเป็นอย่างมาก เนื่องจากในแต่ละวันต้องตื่นแต่เช้าประมาณ ตีสาม ตีสี่ มาแช่ถั่วเหลือง และลงมือทำสดทุกวัน กว่าจะเสร็จก็ประมาณเที่ยงวัน เสร็จแล้วก็เอาไปขาย ที่ตลาดบ้านนา จังหวัดนครนายก ในแต่ละวันจะทำเต้าหู้ประมาณ ๔๐๐ – ๕๐๐ ก้อน นอกจากการทำเต้าหู้สูตรโบราณแล้ว ยังมีน้ำเต้าหู้ ฟองเต้าหู้ และเต้าหู้ที่ใช้ในการไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลอีกด้วย